Bitcoin คืออะไร จะเปิดบัญชีเทรด Bitcoin ควรเลือกโบรกเกอร์ไหน?

Bitcoin ได้รับการยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ที่สร้าง "ความมั่งคั่ง" ได้อย่างแท้จริงในปี 2017 ที่ Bitcoin ฝ่าแนวสำคัญและขยับจากที่ราคาประมาณ 900 ดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2017 ไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 19,650 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 15 ธันวาคม 2017

ระบบนิเวศของ Cryptocurrency เติบโตขึ้นอย่างมากในปี 2021 เช่น Ethereum, Solana ที่สถาบันการเงินเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง นั่นยิ่งไปเพิ่มการยอมรับให้ Bitcoin กลายเป็น Cryptocurrency อันดับหนึ่ง

บทความนี้จะอธิบายว่า Bitcoin คืออะไร หลักการทำงานของ Bitcoin และแนวคิดการจัดเก็บข้อมูลด้วย Blockchain รวมไปถึงวิธีการลงทุนใน Bitcoin

Bitcoin คืออะไร

Bitcoin คือ สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) โครงการแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงทั้งในแง่ของระยะเวลาการดำรงอยู่ของโครงสร้าง และในแง่ของจำนวนผู้ใช้งาน โดยจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งของ Bitcoin คือ การยอมรับให้ Bitcoin เป็นเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal Tender) ของประเทศประเทศเอลซัลวาดอร์ในปี 2021

ในทางเทคนิคแล้ว Bitcoin เป็นเครือข่ายการชำระเงินรูปแบบหนึ่ง โดยมีการเข้ารหัส หรือ "Cryptography" เพื่อรักษาความปลอดภัยของการทำธุรกรรมภายในเครือข่าย มีการบันทึกข้อมูลโดยทุกคนในเครือข่ายรับรู้และรับรองความต้องถูกต้องของธุรกรรม เรียกวิธีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวว่า "Blockchain"

ความสำเร็จของ Bitcoin ทำให้หลักการของ Blockchain ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้น โดย Blockchain กลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานของ Cryptocurrency ใหม่ ๆ ทั้งหมด

ตัวย่อของ Bitcoin คือ

ตัวย่อของ Bitcoin คือ BTC ใช้หลักการเดียวกันกับ USD (US Dollar) และ EUR (Euro) โดยเวลาที่เราซื้อขายนั้น Bitcoin สามารถจับคู่กับสกุลเงินอื่น ๆ ได้ ถ้าในแพลตฟอร์มเขียนว่า "ซื้อขาย Bitcoin" โดยมีหน่วยเป็นเงินบาท แปลว่าจริง ๆ แล้ว เรากำลังเทรด Bitcoin/Thai Baht นั่นเอง แต่โดยส่วนใหญ่จะเทรดเป็น BTC/USD

ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา โบรกเกอร์ Admirals สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเทรด CFD จับคู่สกุลเงินดิจิทัลด้วยกันเองได้ เช่น BCH/BTC, DSH/BTC, EOS/ETC, ETC/BTC, ETH/BTC, LTC/BTC XLM/BTC, XRP/BTC, XMR/BTC และ ZEC/BTC เป็นต้น

การยอมรับ Bitcoin ในระดับสากล

ณ เดือนมีนาคม 2022 หรือเวลาที่เขียนบทความนี้ ยังมีเพียงประเทศเดียวที่ยอมรับ Bitcoin ให้เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม มีหลายประเทศมาก ๆ ที่เป็นมิตรกับการใช้งาน Cryptocurrency

หรือแม้แต่ทางสหรัฐฯ ที่แม้ผู้นำขององค์กรการเงินระดับสูงอย่าง FED หรือกลุ่มนักการเมืองในสภาฯ จะต่อต้านการยอมรับ Bitcoin แต่ในมุมของภาคธุรกิจการเงินและตลาดหลักทรัพย์ กลับมีมุมมองที่เป็นบวกกับ Bitcoin อีกทั้งยังมีการอนุญาตให้สามารถซื้อขาย "อนุพันธ์" ของ Bitcoin ในตลาดซื้อขายฟิวเจอร์สได้อย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ ยังมีกองทุน ETF ที่ลงทุน Cryptocurrency ได้อย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ อีกด้วย

• ภาษีฯ สหรัฐ (IRS) พยายามวางรากฐานการเก็บภาษีใน Bitcoin
• ภาษีฯ ของแคนาดา (CRA) มองว่า Bitcoin มีสถานะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์
• ออสเตรเลียมีกฎเกณฑ์คล้ายกับแคนาดา โดยกำหนดให้เป็นสินทรัพย์ที่ต้องเสียภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gain)
• สหภาพยุโรป โดยรวมถือว่าการซื้อและขาย Bitcoin ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากถือว่าเป็นการจัดหาบริการ

การเติบโตของการใช้งาน Cryptocurrency มีความแตกต่างขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละประเทศ แต่ภาพรวมมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เวียดนาม มีกระแสการพัฒนา Crypto ในมุมของอุตสาหกรรมเกม, การใช้ Bitcoin แทนสกุลเงินของประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม นอกจากนี้ ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังศึกษา CBDC หรือสกุลเงินดิจิทัลสำหรับธนาคารกลางกันอย่างจริงจังมาหลายปีแล้ว ยิ่งหากเป็นภาคธุรกิจแล้ว มีการยอมรับ Bitcoin กันโดยทั่วไปแล้ว ตัวอย่าง:

• Microsoft ได้ยอมรับ BTC เป็นการชำระเงินตั้งแต่ปี 2014 ใน Xbox Store
• Home Depot ผู้ค้าปลีกฮาร์ดแวร์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ยอมรับการชำระเงินด้วย Bitcoin ผ่านระบบชำระเงินของ Flexa ในร้านค้าจริง
• Starbucks แบรนด์กาแฟรายใหญ่ของสหรัฐฯ ยอมรับการชำระเงินด้วย BTC ผ่านแอปมือถือ "Bakkt"
• เว็บไซต์ท่องเที่ยวเช่น Expedia.com และ CheapAir.com ยอมรับ BTC สำหรับการซื้อเที่ยวบินมานานแล้ว

ทดลองเทรดกับ Admirals

Admirals ได้นำเสนอแพลตฟอร์มการเทรดอันดับ 1 ที่สามารถเข้าถึงตราสารทางการเงินที่หลากหลาย คุณสามารถใช้เงินจำลองฝึกเทรด Bitcoin เพื่อเรียนรู้โลกการเงินให้พร้อมก่อนลงทุนจริงได้ เปิดบัญชีทดลองฟรี - คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง!

ใครคือผู้สร้าง Bitcoin

เป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจมาตลอด 10 ปีมานี้ โดยมีการยอมรับกันโดยทั่วไปว่า "Bitcoin ถูกสร้างโดย Satoshi Nakamoto" ซึ่งทางด้านของ Satoshi Nakamoto อาจเป็นได้ทั้ง "ตัวบุคคล" หรือ "กลุ่มบุคคล" โดยได้ประกาศและปล่อยรายละเอียดเกี่ยวกับ Bitcoin ไว้อีเมลของกลุ่มผู้พัฒนาในวันที่ 31 ตุลาคม 2008

• Satoshi Nakamoto อธิบายรายละเอียดทั้งหมดไว้ในเอกสารสำคัญ Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System

ในปี 2016 มีนักธุรกิจชาวออสเตรเลีย "Craig Wright" ซึ่งมีชื่อเสียงในแวดวงไอทีอยู่ระดับหนึ่ง ได้ประกาศว่าเขาเอง คือ Satoshi Nakamoto ซึ่งก็มีคนจำนวนหนึ่งสนับสนุนแนวคิดนี้อยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม มากกว่ากึ่งหนึ่งของชุมชน Crypto ดูเหมือนจะยังไม่ยอมรับการกล่าวอ้างนี้ - ณ ปัจจุบัน สาธารณะก็ยังไม่รู้ความจริงว่า Satoshi Nakamoto คือใครกันแน่?

Bitcoin กับ Blockchain

แนวคิดของ Blockchain ถูกนำมาใช้ครั้งแรกบน Bitcoin ซึ่งความจริงแล้ว สมควรกล่าวว่า "Bitcoin ทำให้เกิด Blockchain" ขึ้นมา โดย Blockchain เป็น "Decentralized Public Ledger"

ในทางบัญชี Ledger (สมุดบัญชีแยกประเภท) เป็น "สมุดบัญชีแยกประเภท" ที่ใช้สำหรับบันทึกธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในธุรกิจ แต่สำหรับ Blockchain สมุดดังกล่าวจะเป็นแบบ "กระจายอำนาจ + สาธารณะ" (Decentralized + Public) ซึ่งความหมายว่า จะกระจายอำนาจให้ทุกคนช่วยกันจดและยืนยันทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้น และข้อมูลทุกอย่างเป็นสาธารณะ 

ที่เรียกว่า Blockchain เพราะธุรกรรมจำนวนหนึ่ง ๆ ที่ได้จดบันทึกไว้จะถูกเก็บไว้ใน "Block" ของข้อมูล โดยแต่ละ Block จะมีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับ Block ก่อนหน้า ซึ่งนั่นทำให้ทุกข้อมูลในเครือข่ายมีการเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด โครงสร้างดังกล่าวนี้จะทำให้ไม่มีใครสามารถแก้ไขข้อมูลส่วนใดในระบบได้เลย จึงทำให้เกิดความโปร่งใสในระบบการชำระเงิน สรุปคือ:

1. สมุดบัญชีออนไลน์แบบสาธารณะ
2. ทุกคนช่วยกันจดบันทึกธุรกรรม

จะเห็นว่า Blockchain จะต้องมีการยืนยันร่วมกันของทุกคนในเครือข่าย โดยผู้มีส่วนร่วมในเครือข่ายจะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Blockchain นั้น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ก็สามารถใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก เช่น วิทยุ, โทรศัพท์ ได้เช่นกัน หรือที่ได้รับความนิยมอย่างมาก คือ การใช้บอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วของ "Raspberry Pi"

ขุด Bitcoin คืออะไร

ตอนนี้คุณได้รับข้อมูลสำคัญอย่างคร่าว ๆ ของ Bitcoin ไปแล้ว โดยเครือข่าย Bitcoin มีโครงสร้างพื้นฐานบนวิธีการจัดเก็บข้อมูลที่เรียกว่า Blockchain ซึ่งคุณก็ทราบแล้วเช่นกันว่า ทุกคนจะใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองเข้ามาช่วยกันยืนยันธุรกรรมที่เกิดขึ้นในเครือข่าย ซึ่งกระบวนการยืนยันดังกล่าวจะใช้กำลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์ในการยืนยันธุรกรรม

ผู้ที่มีส่วนร่วมในเครือข่ายต้องจ่ายค่าไฟในแต่ละเดือนเพื่อช่วยยืนยันธุรกรรม แล้วพวกเขาได้อะไรตอบแทน? คำถามง่าย ๆ คือ พวกเขาจะได้เหรียญ BTC ของเครือข่าย Bitcoin ตอบแทนกลับไปนั่นเอง หรือเราจะพูดว่า

• ช่วยยืนยันธุรกรรม - เพื่อแลก Bitcoin
• ยืนยันธุรกรรม = ผลิต Bitcoin ออกมาจากระบบ

เปรียบเสมือนเราเป็นนักธุรกิจเหมืองทอง แต่แทนที่จะเอาอุปกรณ์ไปขุดเหมืองเอาแร่ทองคำออกมา กลายเป็นการเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาขุดยืนยันธุรกรรมเพื่อแลกเอา Bitcoin กลับไป เราจึงเรียกกระบวนการนี้ว่า "ขุด Bitcoin" หรือ "Mining" นั่นเอง โดยเราเป็นคนลงทุนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ค่าไฟในแต่ละเดือน ซึ่งเหรียญ BTC ที่ได้กลับไปอาจคุ้มหรือไม่คุ้มค่าไฟก็ได้ ขึ้นอยู่กับ ณ เวลานั้น ๆ ราคา Bitcoin ซื้อขายกันที่เท่าไร

• ขุด Bitcoin = ผลิต Bitcoin

Bitcoin มีเพียง 21 ล้านเหรียญ

เรื่องหนึ่งที่คุณควรทราบไว้เป็นพื้นฐานของ Bitcoin คือ ปริมาณเหรียญสูงสุดที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ในระบบ คือ "21 ล้าน BTC" เท่านั้น และจากการออกแบบโครงสร้างของ Bitcoin ทำให้ BTC เหรียญสุดท้ายจะถูกผลิต หรือ "ขุด" ออกมาได้ในปี 2140

นักขุด Bitcoin จะใช้คอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือของตนในการขุด ซึ่งเป็นการ "แก้สมการทางคณิตศาสตร์" โดยอัตโนมัติ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการขุด ณ จำนวนธุรกรรมหนึ่ง ๆ จนครบแต่ละ Block ระบบก็จะผลิต BTC ออกมา โดยแจกเหรียญ BTC เป็นรางวัลให้กับนักขุดหรือคนที่เข้ามายืนยันธุรกรรม เครือข่าย Bitcoin ออกแบบไว้ให้เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนรางวัลที่เป็น BTC จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ

นักขุด Bitcoin สร้าง Block ใหม่ทุก ๆ 10 นาที โดยแต่ละ Block จะมีการให้รางวัลกลับไป เริ่มต้นจาก "Block ละ 50 BTC" และเมื่อครบทุก ๆ 210,000 Block เครือข่าย Bitcoin จะลดการให้ผลตอบแทนลงครึ่งหนึ่ง

การลดผลตอบแทนของ Bitcoin เรียกเหตุการณ์นี้ว่า "Halving" โดยการ Halving ครั้งสุดล่าสุด ณ เวลาเขียน เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2020 ซึ่งหลังจากการ Halving ในครั้งนี้ ผลตอบแทนการขุด Bitcoin เหลือเพียง Block ละ 6.25 BTC เท่านั้น

การออกแบบการให้รางวัลสำหรับการขุด Bitcoin เป็นหนึ่งในประเด็นที่ผู้ที่เชื่อมั่นใน Cryptocurrency เชื่อว่า มูลค่าของ Bitcoin จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีการจำกัดปริมาณ (Supply) ไว้อย่างชัดเจน และปริมาณ BTC ที่ถูกผลิตออกมานั้นลดลงเรื่อย ๆ จึงทำให้มองว่า Bitcoin เป็น "สกุลเงินแบบเงินฝืด" หรือ Deflationary ซึ่งจะสามารถรักษามูลค่าในระยะยาวเมื่อเทียบกับสกุลเงินแบบปกติ (Fiat) ไดั

คุณสามารถทดลองซื้อขาย CFD ใน Bitcoin ได้ โดยจะซื้อขายกันเป็นคู่สกุลเงิน เช่น BTC/USD, BTC/EUR และการจับคู่ BTC กับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ โดยในบัญชีของ Admirals จะเปิดโอกาสให้คุณสามารถเทรดด้วยเงินจำลองได้อย่างไม่จำกัด เปิดบัญชี Demo ฟรี - คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง!

เปิดบัญชีเทรด Bitcoin

คุณทราบหรือไม่ว่า? ธุรกรรมในเครือข่าย Bitcoin ทั้งหมดเป็นแบบสาธารณะ สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปต้นสายปลายสายได้ทั้งหมด และจะจัดเก็บในเครือข่าย Bitcoin ไว้อย่างถาวร ซึ่งผู้รับและผู้ส่งจะถูกกำหนดไว้ในรูปแบบของ "Bitcoin Address" ซึ่งเลขที่อยู่ Bitcoin ดังกล่าวนี้ถูกสร้างขึ้นมาตอนผู้ใช้เปิดบัญชีกระเป๋าเงิน หรือ Wallet

• เลข Address เปรียบเสมือนอีเมลของแต่ละคนที่ใช้สำหรับ รับ-ส่ง สกุลเงินดิจิทัล
• ผู้ใช้งานต้องดูแล "รหัสลับ" หรือ Private Key สำหรับการเข้าถึงบัญชีด้วยตัวเอง

นักลงทุนที่ต้องการตัดภาระการดูแลความปลอดภัยของบัญชีด้วยตัวเอง จึงเลือกที่จะเปิดกระเป๋าไว้กับกระดานเทรด ซึ่งจะค่ามีเท่ากับเราฝาก Private Key ไว้กับเจ้าของกระดานเทรดไว้ให้ดูแล ทั้งนี้ นักลงทุนบางส่วนจะเลือกเปิดบัญชีเทรด CFD ซึ่งเทรด Bitcoin ได้ทั้ง Buy, Sell โดยไม่มีภาระการดูแลบัญชีใด ๆ อีกต่อไป

สำหรับโบรกเกอร์ Admirals นักลงทุนสามารถทดลองเปิดบัญชีเพื่อทดลองใช้งานระบบต่าง ๆ และโปรแกรมเทรดได้ฟรี โดยสามารถเริ่มต้นเทรดด้วยเงินจำลองที่เราสามารถกำหนดจำนวน ฝากเพิ่มได้เรื่อย ๆ ฝึกเทรดจนกว่าจะพอใจ หรือหากพร้อมเปิดบัญชีจริงแล้ว ทาง Admirals ก็มี Cryptocurrency ให้เลือกเทรดหลากหลายมาก เช่น

• Ethereum (ETH)
• Cosmos (ATOM)
• Polkadot (DOT)
• Solana (SOL)

แล้วอื่น ๆ - นอกจากนี้ ในบัญชี Admirals คุณสามารถเลือกเทรดสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ได้ครอบคลุมทั้งจักรวาลการเงิน เช่น Gold, Forex, Oil หรือแม้แต่หุ้นดัง ๆ ในต่างประเทศ เช่น Apple, Microsoft เป็นต้น นี่คือความได้เปรียบเมื่อคุณเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ Admirals

เทรด Bitcoin มีความเสี่ยงหรือไม่

Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวน โดยราคารายวันสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า 10% หรือในวันที่ตลาดโดนแรงเทขายรุนแรง ก็อาจปรับตัวลดลงได้มากกว่า 30% ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว "บ่อยครั้ง" เรื่องความผันผวน

BTCUSD, Weekly - Disclaimer: กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

แต่พฤติกรรมราคาของ Bitcoin ก็คล้าย ๆ สินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ ในตลาด ที่แม้เวลาเกิด "Strong Trend" หรือสภาวะที่ราคาเป็นแนวโน้มขึ้นหรือลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนต่างราคาของจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของแนวโน้มจะยาวไกลมาก นักลงทุนมักได้กำไรมหาศาลจากตลาดขึ้นขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ตลาดซื้อขายเป็นกรอบแคบ หรือ Sideways จะกินระยะเวลานานกว่า

เมื่อช่วงที่ราคาซื้อขายเป็น Sideways วิธีการเทรดที่เหมาะสมคือการใช้กลยุทธ์ในกลุ่ม Range Trading ซึ่งจะเน้นซื้อๆ ขายๆ ทั้ง Buy และ Sell ในแต่ละสัปดาห์ โดยไม่ได้เน้นถือยาว แต่ต้องมีวินัยในการดึงกำไรออกจากพอร์ตอยู่เสมอ

ใช้งาน MetaTrader 5 และเปิดบัญชีทดลองฟรี!

• เปิดบัญชี Demo ได้ฟรี และเปิดใหม่ได้เรื่อย ๆ หากบัญชีหมดอายุ
• เทรดตลาด Commodity สำคัญ ๆ ได้ครบทุกตัว ทองคำ, น้ำมัน, แร่ธรรมชาติ ฯลฯ
• ฝึกลงทุนแบบนักลงทุน VI ด้วยพันธบัตรและกองทุน ETF ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ARK, iShare, SPDR

การเปิดบัญชีกับ Admirals นั้นสะดวกรวดเร็วมาก ๆ คุณเพียงกรอกแค่ชื่อกับอีเมลเท่านั้น คุณก็จะได้รับอีเมลรหัสสำหรับการเข้าเทรด และลิงค์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมเทรด คลิกเปิดบัญชีที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ได้เลย

บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

• Algorand คืออะไร : ลงทุนเหรียญ Algo Coin ดีหรือไม่?
• เหรียญ ADA คืออะไร สำคัญกับเครือข่าย Cardano อย่างไร?
• เหรียญ Matic Coin คืออะไร : เครือข่าย Polygon Chain น่าลงทุนไหม?

ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อการวิเคราะห์:

สื่อ, สารสนเทศที่ได้นำเสนอมีรายละเอียดที่เชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ การประเมินผลลัพธ์ การคาดการณ์และการพยากรณ์รายเดือนหรือรายสัปดาห์ รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะของข้อมูลในรูปแบบเดียวกัน (ต่อไปจะเรียกว่า "การวิเคราะห์") ซึ่งได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ Admirals SC Ltd. ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โปรดศึกษาและพิจารณาข้อควรระวังดังต่อไปนี้

• นี่คือการสื่อสารทางการตลาด การวิเคราะห์ที่ถูกเผยแพร่ไปนั้น มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำทางด้านการลงทุน ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน (Independence of Investment Research) และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใด ๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน
• การตัดสินใจลงทุนใดๆ ของลูกค้า เป็นการตัดสินใจแต่โดยลำพังของลูกค้าเอง ซึ่ง Admirals SC Ltd.จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นผลจาก "การวิเคราะห์" หรือไม่ก็ตาม
• ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าของเราและความเที่ยงธรรมของการวิเคราะห์ Admirals SC Ltd ได้กำหนดกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
• การวิเคราะห์จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ (นักวิเคราะห์) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้เขียน") เนื้อหาเป็นไปตามการประมาณการณ์ส่วนบุคคลของพวกเขา
• ในขณะที่ใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้แน่ใจว่า แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดมีความน่าเชื่อถือและมีการนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในลักษณะที่เข้าใจได้ทันเวลา แม่นยำและครบถ้วนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Admirals SC Ltd ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของ ข้อมูลใด ๆ ที่อยู่ในการวิเคราะห์
• ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาหรือแบบจำลองใด ๆ ในอดีตของเครื่องมือทางการเงินที่ระบุไว้ในเนื้อหา ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการรับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยโดย Admirals SC Ltd สำหรับผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในอนาคต มูลค่าของตราสารทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นและลดลง ไม่มีการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้น
• ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับความแตกต่าง; CFD) เป็นลักษณะของการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียหรือกำไร ก่อนที่คุณจะเริ่มการซื้อขายโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้