กองทุนอินเดียที่คุณต้องรู้จัก!

Jitanchandra Solanki

กองทุนอินเดีย ประเทศอินเดีย หรือการลงทุนในอินเดียนั้นอาจไม่ได้อยู่ในรายชื่อในอันดับต้นๆ ของรายชื่อที่นักลงทุนพูดถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีกโลกตะวันตก แต่จะถูกพูดถึงเป็นกลุ่มประเทศที่น่าสนใจ เช่น BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้)

แต่มูลค่ารวมของตลาดตราสารทุนของอินเดียหรือกองทุนอินเดียในปัจจุบันนั้นก็เป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ตามหลังเพียงสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น นอกจากนี้ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 1.4 พันล้านคน อินเดียจึงมีผู้บริโภคและคนงานจำนวนมากที่ทั้งบริษัทในอินเดียและต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของอินเดียยังเติบโตอย่างรวดเร็ว 

และในบทความนี้ เราจะชวนคุณมาทำความรู้จักและเข้าใจใน ETF อินเดีย รวมทั้งข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในกองทุนอินเดีย พร้อมส่องรายการ ETF อินเดียที่คุณไม่ควรพลาดไป! 

ทำไมต้องลงทุนในกองทุนอินเดีย ?

  • ETF อินเดียเป็นกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่นักลงทุนสามารถซื้อได้เหมือนหุ้น เพื่อเข้าถึงผลการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ ในตลาดหุ้นอินเดีย
  • อินเดียคือประเทศที่มีประชากรมากที่สุดทั่วโลก โดยมีประชากร 1.4 พันล้านคน ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้บริโภคและคนงานที่มีศักยภาพจำนวนมาก นอกจากนี้อินเดียยังเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงปี 2006 ถึง 2023 เศรษฐกิจของอินเดียเติบโตเฉลี่ยที่ 6.21% 
  • การลงทุนในกองทุนอินเดีย จึงหมายถึงการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพที่จะเติบโต และเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางเศรษฐกิจชั้นนำในทศวรรษต่อๆ ไป และเมื่อรวมกับ ETF ที่โฟกัสในเศรษฐกิจอื่นก็สามารถใช้การลงทุนกองทุนอินเดียนี้เป็นเครื่องมือในการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณได้
  • แม้ว่าเศรษฐกิจของอินเดียและบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศหลายแห่งจะมีการเติบโตอย่างมาก เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่รูปีของอินเดียกลับทำงานได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินตะวันตก เช่น USD และ EUR จึงอาจส่งผลใกัดกร่อนผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

ส่อง ETF อินเดีย

Exchange-Traded Fund (ETF) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และสามารถซื้อหรือขายได้เหมือนกับหุ้นทั่วไป หุ้นที่สร้างตะกร้ามักจะเป็นไปตามธีมหรือเกณฑ์การคัดเลือกที่แน่นอน 

ซึ่งอินเดียมีกฎหมายและข้อจำกัดทางกฎหมายหลายอย่างสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ทำให้บริษัทหลายแห่งอยู่ในระบบเศรษฐกิจที่ห่างไกลจากการลงทุนของนักแสดงชาวต่างชาติ แต่ด้วย ETF นักลงทุนต่างชาติมีสิทธิ์ลงทุนในกองทุนอินเดียได้

กองทุนอินเดียที่น่าจับตามอง!

แม้ว่า ETF อินเดียที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้จะเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกมาอย่างรอบคอบเพื่อให้มีความเกี่ยวข้องกัน แต่สิ่งสำคัญคือผลิตภัณฑ์การลงทุนใดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินและเป้าหมายส่วนบุคคล ดังนั้นรายชื่อกองทุนอินเดียนี้จึงควรเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับนักลงทุนที่ต้องการค้นหาข้อมูบของตนเอง

  • iShares India 50 ETF – 50 บริษัทอินเดียที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
  • WisdomTree India Earnings Fund ETF – บริษัทอินเดียที่ใหญ่ที่สุดตามรายได้
  • iShares MSCI India ETF – ติดตามดัชนี MSCI เป็นตัวแทนของหุ้นอินเดียขนาดใหญ่และขนาดกลาง

1. iShares India 50 ETF – 50 

iShares India 50 ETF ติดตามบริษัทอินเดียที่ใหญ่ที่สุด 50 แห่งตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด โดยประกอบด้วยเงินทุนประมาณ 650 ล้านดอลลาร์ 1/3 ของจำนวนนั้นได้รับการจัดสรรให้กับการถือครอง 10 อันดับแรก

โดย 10 อันดับแรกของกองทุนอินเดียนี้ ได้แก่ HDFC Bank, Reliance Industries, ICICI Bank, Infosys, ITC, Tata Consultancy Services, Larsen และ Toubro, Kotak Mahindra Bank, Axis Bank และ Hindustan Unilever หุ้นที่ใหญ่ที่สุดคือ HDFC Bank คิดเป็น 13.84% ของการจัดสรรเงินทุนของกองทุน และ Hindustan Unilever คิดเป็น 2.63%

มากกว่า 1 ใน 3 ของเงินทุนของกองทุนได้รับการจัดสรรในภาคการเงิน ซึ่งเห็นได้จากธนาคารหลายแห่งที่ถือครอง 10 อันดับแรก และมี 2 ภาคส่วนถัดไปตามขนาด ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศ (13.5%) และพลังงาน (~12%) เงินทุนส่วนที่เหลือของกองทุนจะกระจายไปตามภาคส่วนต่างๆ ในปริมาณที่น้อยกว่า กองทุนซื้อขายภายใต้สัญลักษณ์ย่อ 'INDY' ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ และที่ Admirals คุณสามารถซื้อขาย iShares India 50 ETF CFD (สัญญาสำหรับส่วนต่าง) ได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ETF CFDs

ซื้อขาย CFDs ในกองทุน ETFs ยอดฮิต!

2. WisdomTree India Earnings Fund ETF 

WisdomTree India Earnings Fund ETF เป็นกองทุนที่คัดเลือกบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเศรษฐกิจของอินเดียตามรายได้ นักลงทุนส่วนหนึ่งเชื่อว่าการมุ่งเน้นไปที่รายได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงสถานภาพของบริษัทได้ดีกว่าขนาดของบริษัทเพียงอย่างเดียว

10 สิบอันดับแรกของกองทุนอินเดียนี้ ได้แก่ Reliance Industries, ICICI Bank, Oil and Natural Gas Corporation, Infosys, Tata Consultancy Services, Axis Bank, NTPC, Power Grid Corporation of India และ Indian Oil Corporation Reliance Industries คิดเป็นสัดส่วน 6.4% ของการจัดสรรเงินทุนของกองทุน และ Indian Oil Corporation คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2%

ภาคส่วนที่เป็นตัวแทนในกองทุนนี้ส่วนใหญ่เป็นวัสดุพื้นฐาน (~23%) พลังงาน (~17%) บริการทางการเงิน (~16%) และเทคโนโลยี (~11%) โดยคุณสามารถขายและซื้อขายกองทุนอินเดียนี้ภายใต้สัญลักษณ์ 'EPI' ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ในบัญชีเทรดของ Admirals ได้อีกด้วย!

3. iShares MSCI India ETF

iShares MSCI India ETF จะติดตามดัชนี MSCI India ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีทุนขนาดใหญ่และปานกลางของตลาดหลักทรัพย์อินเดีย กองทุนนี้ได้รับการจัดการแบบพาสซีฟ ที่กองทุนจะมีการปรับสมดุลตามการเปลี่ยนแปลงของดัชนีเท่านั้น และจะไม่อยู่ในสถานะป้องกันในช่วงที่ตลาดตกต่ำ โดยมีเงินทุนประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เป็น ETF อินเดียที่ใหญ่ที่สุดในตลาดในปัจจุบัน

10 อันดับแรกในกองทุนอินเดียนี้ ได้แก่ Reliance Industries, ICICI Bank, Infosys, HDFC Bank, Tata Consultancy Services, Axis Bank, Hindustan Unilever, Kotak Mahindra Bank, Bharti Airtel และ Bajaj Finance การถือครองที่ใหญ่ที่สุดคือ Reliance Industries คิดเป็นประมาณ 9.5% ของเงินทุนของกองทุน ตามมาด้วย Bajaj Finance คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2.3%

โดย 1 ใน 4 ของสินทรัพย์มูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์ของกองทุนนี้ได้รับการจัดสรรให้กับภาคการเงิน และภาคส่วนอื่นๆ อีกไม่กี่แห่งตามขนาดของการจัดสรรทุน ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศ (~ 13.5%) พลังงาน (~ 12%) สินค้าอุปโภคบริโภคตามดุลยพินิจ (~ 11%) และสินค้าอุปโภคบริโภคหลัก (~ 9.4%) เงินทุนส่วนที่เหลือของกองทุนจะกระจายไปในจำนวนเล็กน้อยไปยังภาคส่วนอื่นๆ กองทุนซื้อขายภายใต้สัญลักษณ์ 'INDA' ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก

ลงทุนหุ้นยักษ์ใหญ่ของโลก

ซื้อขายหุ้นและกองทุน ETF เพียงปลายนิ้วสัมผัส

ลงทุนกองทุนอินเดีย - ข้อดีและข้อเสีย

การลงทุนในอินเดียอาจเป็นโอกาสที่น่าหลงใหล เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 สามทศวรรษนี้ โดยมีการเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 6.21% ในช่วงปี 2006 - 2006 ซึ่งเศรษฐกิจของอินเดียสามารถข้ามผ่านช่วงภาวะถดถอยครั้งใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาและยูโรโซนผ่านไปไม่ได้ จึงกล่าวได้ว่าเศรษฐกิจของอินเดียนั้นค่อนข้างมีความยืดหยุ่น

นอกจากนั้น นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังมีมุมมองเชิงบวกว่า อินเดียจะมีการพัฒนาไปอีกในทศวรรษต่อๆ ไป โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอินเดียจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกภายในปี 2050 ปัจจุบันตลาดทุนของอินเดียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก โดยแซงหน้าเศรษฐกิจหลักสำคัญของยุโรป เช่น สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสแล้ว

ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 1.4 พันล้านคน ที่ส่วนใหญ่กำลังกลายเป็นชนชั้นกลางที่คาดว่ามีประมาณ 430 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของชาวอินเดียทำให้ประเทศนี้ไม่น่าจะขาดแคลนแรงงาน นอกจากนี้ประชากรชาวอินเดียจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ยังมองหาหนทางสู่งานที่มีรายได้ดีกว่า ทำให้มีฐานผู้บริโภคที่มีศักยภาพสำหรับบริษัทต่างๆ เพื่อให้อินเดียมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้นได้

แต่ก็มี 2 สิ่งที่นักลงทุนส่วนหนึ่งยังคงระมัดระวังการลงทุนในบริษัทอินเดีย รวมทั้งการลงทุนในกองทุนอินเดีย คือผลการดำเนินงานของ INR (รูปีอินเดีย) เทียบกับสกุลเงินตะวันตก เช่น USD หรือ EUR ยังไม่โดดเด่นนัก ตั้งแต่ปี 2008 มูลค่าของ INR เมื่อเทียบกับ USD ลดลงเกือบ 50% ซึ่งหมายความว่ากำไรของนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อหุ้นในบริษัทอินเดียในปี 2008 จะหายไป 50% หากนำหุ้นอินเดียคืนเป็นดอลลาร์ในปี 2023

ผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่ของ INR นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกหัดตามแผน เนื่องจากอินเดียกำลังมองหาการเป็นผู้ส่งออกชั้นนำของโลก ด้วยการลดค่าเงินอินเดียทำให้สินค้าและบริการมีความน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศมากขึ้น กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจนี้อาจเป็นประโยชน์ต่ออินเดียในระยะยาว แต่อาจไม่ดีนักสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

และอีกเหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนส่วนหนึ่งมองข้ามเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของอินเดียก็คือ การลงทุนในอินเดียนั้นจำกัดอยู่เฉพาะชาวต่างชาติในการซื้อหุ้น หรือซื้อกองทุนอินเดีย โดยนักลงทุนต่างชาติจะต้องเป็น Qualified Foreign Investor (QFI) หรือมีคุณสมบัติของการเป็นนักบวทุนต่างชาติในอินเดียก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องไปอินเดียและลงทะเบียนกับหน่วยงานอีกหลายหน่วยงาน ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกลงทุนในกองทุนอินเดียมากกว่านั่นเอง 

กองทุนอินเดียและคำถามที่พบบ่อย 

วิธีซื้อขายกองทุนอินเดีย (ETF อินเดีย) ต้องทำอย่างไร ?

สามารถซื้อขายหรือลงทุนในกองทุนอินเดียเหมือนกับหุ้นทุกประการ สิ่งที่แตกต่างคือจะมีการกำหนดราคาหลังจากปิดตลาดเท่านั้น โดยองทุนจะถูกกำหนดราคาและซื้อขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันซื้อขาย สามารถซื้อได้ด้วยมาร์จิ้น ขายชอร์ต หรือถือไว้ระยะยาว เช่นเดียวกับหุ้นสามัญ

กองทุนอินเดีย ผลตอบแทนเป็นอย่างไร ?

เงินปันผลคือส่วนแบ่งกำไรที่ผู้ถือหุ้นได้รับ (โครงการทุน) ของบริษัท โดยทั่วไปใน ETF อินเดียจะไม่จ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุน แต่รายได้ที่ได้รับจากหลักทรัพย์อ้างอิงจะถูกนำกลับไปลงทุนในโครงการแทน

ทำไมต้องลงทุนในกองทุนอินเดีย ?

การลงทุนในกองทุนอินเดียเป็นการลงทุนที่มีต้นทุนต่ำ มีสภาพคล่อง และประหยัดภาษี นอกจากนี้ยังช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้น พันธบัตร และหลักทรัพย์อื่นๆ ของอินเดียที่หลากหลาย และการลงทุนใน ETF อินเดียยังช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตลาดอินเดียโดยไม่ต้องซื้อหุ้นรายตัว

 บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

เกี่ยวกับ Admirals

Admirals เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ชนะรางวัลมากมาย อีกทั้งได้รับ ใบอนุญาตและกำกับดูแลจากหลายประเทศทั่วโลก โดยให้บริการซื้อขายตราสารการเงินมากกว่า 8,000 รายการผ่านแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 เริ่มเทรดเลยวันนี้

ข้อมูลเกี่ยวกับบทความ/สื่อที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์:

บทความหรือสื่อที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทั้งหมด ทั้งการประมาณการ การคาดการณ์ การทบทวนตลาด มุมมองรายสัปดาห์ หรือการประเมินหรือข้อมูลอื่นที่คล้ายคลึงกัน (ต่อไปนี้เรียกว่า "การวิเคราะห์") ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทการลงทุนของ Admirals ที่ดำเนินการภายใต้เครื่องหมายการค้า Admirals (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "Admirals") โปรดทำความเข้าใจในข้อมูลเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน

  • บทความนี้คือการสื่อสารการตลาด โดยมีเนื้อหาในการเผยแพร่เพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นจึงไม่สามารถตีความว่าเป็นคำแนะนำหรือคำแนะนำในการลงทุนได้ อีกทั้งบทความนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการดำเนินการก่อนการเผยแพร่งานวิจัยด้านการลงทุน
  • ลูกค้าแต่ละรายทำการตัดสินใจลงทุนทั้งหมดด้วยตนเอง โดย Admirals จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าจะอิงจากเนื้อหาหรือไม่ก็ตาม
  • Admirals ได้กำหนดขั้นตอนภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ด้วยมุมมองที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าและการวิเคราะห์ข้อมูล
  • บทความวิเคราะห์นี้ จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ Jitanchandra Solanki ผู้ร่วมให้ข้อมูลอิสระ (ต่อไปนี้เรียกว่า "ผู้เขียน") ตามการประเมินส่วนบุคคล
  • เราพยายามเพื่อให้แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดเชื่อถือได้และข้อมูลทั้งหมดที่ถูกนำเสนอนี้เข้าใจง่าย ทันเวลา แม่นยำ และครบถ้วนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้ Admirals จะไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ข้อมูลที่มีอยู่ในการวิเคราะห์
  • ไม่ควรตีความว่าผลการดำเนินงานของเครื่องมือทางการเงินในอดีตหรือแบบจำลองใดๆ ที่ระบุในเนื้อหาว่าเป็นคำแนะนำโดยชัดแจ้ง โดยปริยาย หรือโดยนัยจาก Admirals สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต มูลค่าของเครื่องมือทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง และไม่รับประกันการรักษามูลค่าของสินทรัพย์
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับส่วนต่าง; CFD) เป็นการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนหรือกำไร โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน
TOP ARTICLES
กองทุน Index Fund ให้คุณลงทุน Index Fund ในปี 2024
กองทุน Index Fund หรือ กองทุนดัชนี คือ ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ติดตามตะกร้าหุ้นหรือพันธบัตรคล้ายกับกองทุนรวมที่ให้ความหลากหลายแก่นักลงทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำในบทความนี้สำหรับคุณที่สนใจลงทุน Index Fund โดยเฉพาะ! ซึ่งเราจะนำคุณไปทำความรู้จักกับกองทุนดัชนีหุ้นที่น่าสนใจในปีนี้ พร้อมข้อดีและข้อเสียของการลงทุนใน...
ETF คือ - รวมทุกเรื่องที่ควรรู้ พร้อมจับตากองทุน ETF เด่นในปีนี้!
ETF คือ กองทุน Exchange-Traded Funds (ETF) ซึ่งทำให้การลงทุนในกองทุนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนรายย่อย จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาความนิยมที่เพิ่มขึ้นนี้ ได้ทำให้มี ​​ETF ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นนับพันรายการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และนั่นก็หมายความว่า ทางเลือกในการลง...
ส่อง ETF น้ำมัน และ ETF น้ำมัน ต่างประเทศ ในปี 2024 ที่คุณห้ามพลาด!
ETF น้ำมัน ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วใน 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังการร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปีหลังการระบาดใหญ่ ก่อนที่จะพุ่งขึ้นมากกว่า 500% ในปี 2021 และในต้นปี 2022 เนื่องจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นแต่ “กองทุน ETF น้ำมัน” ก็ได้รับความสนใจอีกครั้งหลังจากกลางปี 20...
ดูทั้งหมด