ส่องหุ้นอเมริกาตามธีมการลงทุน

Rakan Rashed

เมื่อพูดถึงโอกาสต่างๆ ที่ตลาดหุ้นอเมริกามีให้กับนักลงทุนทั่วโลก ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการลงทุนในหุ้นอเมริกาเป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่การซื้อขายหุ้นหรือการมีส่วนร่วมในการซื้อขายหุ้นกลายเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีซื้อขายในหุ้นสหรัฐโดยโฟกัสที่หุ้นอเมริกา น่าสนใจไปพร้อมกันที่นี่!

รู้จักกับตลาดหุ้นอเมริกา

โดยพื้นฐานแล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือสถานที่ที่นักลงทุนสามารถซื้อและขายหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ผ่านโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาต โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับการควบคุมและกำกับดูแลในระดับรัฐบาลกลางโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC)

ซึ่งในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประกอบด้วยตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 2 แห่ง คือตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อและขายหุ้นจดทะเบียนของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น Amazon, McDonald's, Nike, Walmart และอื่นๆ อีกมากมาย

แล้วหุ้นอเมริกา มีอะไรบ้าง? หรือมูลค่ารวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากมายแค่ไหน ก็สามารถตอบได้ว่ามูลค่านั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อและขายที่เกิดขึ้น จึงมีความผันผวนในทุกๆ วัน โดยจากข้อมูลของ Siblis Research รายงานว่า มูลค่ารวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งคำนวณโดยใช้ข้อมูลของบริษัทมหาชนหลายพันแห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อเมริกา ในวันที่ 31 มีนาคม 2022 ของ NYSE และ NASDAQ อยู่ที่ 48,264,353.4 ล้านดอลลาร์

ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ คืออะไร ? 

เนื่องจากมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ประกอบด้วยหลากหลายประเภทจากภาคส่วนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ได้สร้างดัชนีต่างๆ สำหรับหุ้นสหรัฐเพื่อช่วยให้นักเศรษฐศาสตร์ ผู้จัดการกองทุน นักข่าว เทรดเดอร์และนักลงทุน สามารถประเมินผลการดำเนินงานของหุ้นสหรัฐได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น 3 ดัชนีสำหรับวัดประสิทธิภาพหุ้นของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นดัชนีที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุด ดังนี้

1. ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500 Index) 

ซึ่งเป็นดัชนีที่ชี้วัดมูลค่าของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก 500 แห่ง ซึ่งถือเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวม

2. ดัชนี NASDAQ 100 (Nasdaq 100 Index) 

ดัชนี Nasdaq จะใช้วัดมูลค่าของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq 100 แห่ง แม้ว่าดัชนีนี้จะรวมบริษัทจากหลากหลายอุตสาหกรรม แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (ไม่รวมถึงบริษัททางการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์หรือวาณิชธนกิจ) ดัชนีนี้จึงถูกเรียกว่าเป็นดัชนีหุ้นเทคฯ ซึ่งเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

3. ดัชนีดาวโจนส์ 30 (Dow Jones 30 Index)

ดัชนี้ดาวโจนส์ ถูกเรียกว่าเป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้ติดตามประสิทธิภาพของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มต้นในปี 1896 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นทั้งหมด 30 ตัว จึงมีบริษัทหลากหลายจากทุกภาคส่วนที่โดดเด่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมอยู่ในนี้

ปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาหุ้นสหรัฐฯ

โดยในปี 2020 ได้เกิดความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นอย่างมาก ในช่วงสิ้นปี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายกันที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับดัชนีในตลาดเอเชียบางตัว ซึ่งแตกต่างจากตลาดยุโรปแม้ตลาดก็ตกระดับ stock market crash ในช่วง pandemic (ปี 2020) แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังมีผลงานที่ดี เช่น

  • S&P 500 ก็สามารถทำกำไรได้ถึง 63% จากระดับต่ำสุดในเดือนมีนาคม และ 16% ในปีต่อมา
  • ดัชนีดาวโจนส์ 30 ปิดสิ้นปีเพิ่มขึ้น 7.25%
  • Nasdaq ปิดส่งท้ายปีสูงถึง 43.6% อย่างน่าประทับใจ!

นอกจากนี้ ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2021 ดังนี้

  • ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 26.9%
  • ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) เพิ่มขึ้น 18.7%
  • ดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 21.4%

และในปี 2022 ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งหุ้นสหรัฐและอื่นๆ เริ่มลดลง เนื่องจากการขายอย่างเข้มข้นเพื่อเก็บกำไร จากนั้นจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง จากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งดึงดูดใจให้ขาย short มากขึ้น ในขณะที่หลายคนก็หันไปลงทุนอื่นๆ อย่างพันธบัตรกันมากขึ้น

กล่าวได้ว่า สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของสหรัฐฯ และทั่วโลก คือการรายงานข่าวและประกาศต่างๆ ซึ่งจะมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างต่อเนื่องตราบเท่าที่ตลาดเปิดและมีอุปสงค์และอุปทาน

แม้ว่าจะมีปัจจัยที่คาดเดาได้ยาก เช่น ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ อัตราเงินเฟ้อที่สูง และราคาผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคาตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แก่

  • ข้อมูล GDP รายเดือนและรายไตรมาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • รายงานผลประกอบการของบริษัท (รายไตรมาส)
  • ตัวเลขเงินเฟ้อ (เผยแพร่เป็นรายเดือน)
  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
  • ตัวเลขค้าปลีกและค้าส่ง รายงานการใช้จ่ายของผู้บริโภค และอื่นๆ
  • อัตราการจ้างงาน (เช่น การจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) และอัตราการว่างงาน)
  • นวัตกรรมของบริษัท ผลิตภัณฑ์ บริการ และเทคโนโลยีใหม่ๆ
  • การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด (ผลกระทบของการแต่งตั้งโจ ไบเดนในทำเนียบขาว)
  • ความต้องการที่ผันแปรในภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจ
  • การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญระหว่างภาคส่วนต่างๆ เช่น เทคโนโลยีและเทคโนโลยีชีวภาพ
  • การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของ Fed และข่าวประชาสัมพันธ์ของ FOMC
  • มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้น
  • ค่าเงิน USD แข็งค่า - เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ตลาดหุ้นก็จะขึ้น

ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นสหรัฐฯ และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนในหุ้นสหรัฐที่จะตระหนักถึงเหตุการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้นและดัชนีบางตัว ที่มีอยู่ในพอร์ตการลงทุนของตน

ซึ่งคุณสามารถติดตามและตรวจสอบเหตุการสำคัญเหล่านี้ได้ในปฏิทินเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีค่าที่สุดสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ทุกคน

นอกจากนี้ ยังควรติดตามคาดการณ์ในรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจของนักวิเคราะห์ เนื่องจากตลาดหุ้นอาจได้รับผลกระทบจากการข้อมูลเหล่านี้ และมักจะถูกกำหนดโดยว่าผลลัพธ์จะเป็นไปตามคาดการณ์นั้นๆ หรือไม่

เริ่มต้นเทรดได้แล้ววันนี้ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างได้เลย!

แพลตฟอร์มที่มีสินทรัพย์ให้ลงทุนอย่างหลากหลาย

ส่องหุ้นอเมริกาที่น่าจับตามอง!

แน่นอนว่าแนวโน้มธุรกิจใหม่และการหมุนเวียนของภาคธุรกิจก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาซื้อหุ้นอเมริกาหรือเลือกหุ้นอเมริกา น่าสนใจลงในพอร์ตการลงทุนของคุณ ซึ่งเราจะมาพูดคุยกันถึงภาคส่วนต่างๆ ดังนี้

  1. หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี
  2. หุ้นในกลุ่มวิดีโอเกม
  3. หุ้นในกลุ่มพลังงานสะอาด
  4. หุ้นในกลุ่มประกันภัย
  5. หุ้นในกลุ่มพลังงานฟอสซิล
  6. หุ้นในกลุ่ม e-commerce และโลจิสติกส์

หุ้นอเมริกาในกลุ่มเทคโนโลยี

1️⃣หุ้น Microsoft

Microsoft ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2022 ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรถึง 2.23 ดอลลาร์ต่อหุ้น และยอดขายรวมประจำไตรมาส ที่ 51.87 พันล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว)

นอกจากนี้ยังมีการประกาศผลกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งแตะที่ 16.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สามารถบอกเราได้ว่าบริษัทได้ขยายไปทั่วทุกเซ็กเมนต์ โดยเพิ่มธุรกิจเทคโนโลยี cloud รวมทั้งเพิ่มส่วนแบ่งของ Xbox และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลด้วย

ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่า Microsoft มุ่งมั่นที่จะซื้อ Discord แพลตฟอร์มการสื่อสารยอดนิยม และเกือบจะซื้อ Bethesda ด้วยมูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ อีกด้วย

สำหรับการพัฒนาบริการ cloud นั้น Microsoft ยังยืนยันด้วยว่าได้ทำการซื้อ Nuance Communications ซึ่งทำงานในด้านระบบการรู้จำเสียงผ่านการใช้ปัญญาประดิษฐ์

ในทางเทคนิค เมื่อดูกราฟของ Microsoft นั้น แม้ว่าขณะนี้จะอยู่ในโซนล่างของช่องทางขาลง ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2021 และขณะนี้ก็ซื้อขายที่ระดับแนวรับที่ $244.29 แต่หุ้น Microsoft ก็ยังมีศักยภาพที่ดีในการเติบโตด้วยการปรับเพิ่มล่าสุดและการขยายงานในด้านต่างๆ

ซึ่งผลลัพธ์จากรายงานทางการเงินล่าสุดที่ดีเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าการขยายธุรกิจ และการซื้อบริษัทต่างๆ นั้น สามารถสนับสนุนภาวะกระทิงและเด้งออกจากระดับแนวรับนี้ได้ แม้ว่าสิ่งสำคัญคือต้องดูว่า Microsoft จะดำเนินการอย่างไรในวันข้างหน้า 

ที่มา: Admirals MetaTrader 5 กราฟราคารายสัปดาห์ของ Microsoft ในช่วงวันที่: 2 ก.พ. 2020 - 19 ก.ย. 2022 หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต

จากภาพจะเห็นได้ว่า ราคาซื้อขายใกล้ระดับ Fibonacci 0.00 ซึ่งถือว่าเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง ซึ่ง จากที่ราคาดีดตัวขึ้น 3 ครั้งก่อนหน้านี้ มีช่องว่างราคาที่ในกราฟรายวันแสดงถึงการกลับตัวจากระดับนี้สามารถเปิดประตูสู่จุดสูงสุดใหม่ แม้ว่าราคาจะต้องเผชิญกับแนวต้านถึง 6 ระดับบน Fibonacci retracement เพื่อพยายามเข้าถึงจุดสูงสุดตลอดกาล

หุ้นสหรัฐในกลุ่มเทคโนโลยีที่สำคัญ

◀️ ️หุ้น Meta (Facebook)
◀️ ️หุ้น Alphabet (Google)
◀️ หุ้น Tesla
◀️ หุ้น Apple

ซื้อขายหุ้นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดใน NASDAQ ด้วยเลเวอเรจและหนึ่งในแพลตฟอร์มการซื้อขายหุ้นออนไลน์ที่ดีที่สุดของสหรัฐอเมริกา MT4 และ MT5

คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง เพื่อเปิดบัญชีเทรดจริงได้ฟรี และเข้าถึงหุ้น NASDAQ และซื้อหุ้นอเมริกาจากคอมพิวเตอร์หรือจากอุปกรณ์มือถือของคุณ!

เทรดบัญชีทดลองโดยปราศจากความเสี่ยง

ฝึกฝนการเทรดด้วยเงินจำลองฟรี

2️⃣หุ้น AMD

Advanced Micro Devices (AMD) คือบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติอเมริกัน ที่มีสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ชิปเซ็ตเมนบอร์ด ไมโครโปรเซสเซอร์ โปรเซสเซอร์กราฟิก และชิปเซมิคอนดักเตอร์ต่างๆ 

จากข้อมูลของ McKinsey & Company อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยคาดการณ์ว่าประมาณ 70% ของการเติบโตอาจมาจาก 3 อุตสาหกรรมหลักอย่าง รถยนต์ การจัดเก็บข้อมูล และเครือข่ายไร้สาย

ที่มา: McKinsey & Company, 25 พ.ค. 2022

จากการทำการสำรวจของนักวิเคราะห์ของ TipRanks มีการคาดการณ์หุ้น AMD ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาว่า โดยแนะนำการซื้อ 19 รายการ แนะนำการถือครอง 7 รายการ และแนะนำการขาย 1 รายการ ด้วยราคาสูงสุดที่คาดการณ์ไว้สำหรับหุ้น AMD คือ $200.00 และมีเป้าหมายราคาเฉลี่ยอยู่ที่ $119.20 ซึ่งแสดงถึงการเพิ่มขึ้นมากกว่า 58% จากระดับปัจจุบัน ณ เวลาที่เขียน

3️⃣หุ้น DataDog 

DataDog ทำหน้าที่ตรวจสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันต่างๆ ของบริษัทที่นำเสนอเทคโนโลยี cloud ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานได้กับแอปพลิเคชันที่ใช้ Amazon Web Services, Microsoft Azure และ Google Cloud ได้

โดยบริษัทเปิดตัวสู่สาธารณะในปี 2019 และมีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ในรายงานผลประกอบการล่าสุดสำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2022 ซึ่ง DataDog รายงานยอดขายรวม 406.14 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 73% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีการใช้จ่ายของลูกค้าที่สูงขึ้นและการรวมระบบของบุคคลที่สามมากขึ้น

ที่มา: Google Finance

รายชื่อบริษัทเทคโนโลยีคลาวด์ที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ ได้แก่

◀️ ️IBM Cloud - แผนกหนึ่งของ IBM ที่ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งแก่ธุรกิจ รวมถึงที่เก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย โซลูชันสำหรับนักพัฒนา การจัดการความปลอดภัย 
◀️ ️Salesforce.com - แพลตฟอร์ม CRM บนคลาวด์ เพื่อช่วยให้ธุรกิจได้รับและรักษาลูกค้าได้มากขึ้น
◀️ ️Crowdstrike - เครือข่ายบนคลาวด์และแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยบนเว็บที่ใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์เพื่อตรวจจับการโจมตีทางไซเบอร์
◀️ ️Cloudflare - บริษัทที่ให้บริการบนระบบคลาวด์ที่ให้บริการด้านความปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์
◀️ Docusign - บริษัทบนระบบคลาวด์ที่ช่วยให้คุณสามารถลงนามในเอกสารทางการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ไม่ต้องใช้สัญญากระดาษ

แต่ก็ไม่ควรให้ความสำคัญกับภาคเทคโนโลยีมากเกินไป เนื่องจากยังมีบริษัทเกมที่มีศักยภาพที่น่าสนใจที่เราจะมาพูดถึงกันต่อจากนี้

หุ้นอเมริกาในกลุ่มวิดีโอเกม

คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมวิดีโอเกมจะทำให้บริษัทในภาคส่วนนี้มีรายได้เกือบ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2022 ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 20% ตัวเลขนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 200 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2023 เมื่อผู้เล่นเกมจะมีจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.07 พันล้านคน หรือประมาณ 40% ของประชากรโลก

ที่มา: Newzoo.com

มาดูบริษัท 2 รายในอุตสาหกรรมเกมอย่าง Activision Blizzard และ Nvidia ที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐ

1️⃣หุ้น Activision Blizzard

Activision Blizzard คือบริษัทวิดีโอเกมที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 1979 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานตา โมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย

Activision Blizzard Inc. ร่วมกับบริษัทในเครือ พัฒนาและจัดจำหน่ายเนื้อหาและบริการบนวิดีโอเกมคอนโซล คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ละอุปกรณ์เคลื่อนที่ทั่วโลก โดยบริษัทดำเนินงานใน 3 แผนก ได้แก่ Activision Publishing, Blizzard Entertainment และ King Digital Entertainment แฟรนไชส์ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ได้แก่ Call of Duty, World of Warcraft, Diablo, Hearthstone, Overwatch และ Candy Crush เป็นต้น

โดยสามารถดูความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของ Activision Blizzard ได้จากภาพด้านล่าง

ที่มา: Admirals MetaTrader 5, กราฟราคารายสัปดาห์ของหุ้น #ATVI ในช่วงวันที่: 19 ส.ค. 2018 - 8 เม.ย. 2021 เก็บภาพ: 8 เม.ย. 2021 เวลา 15:05 น. หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต

สามารถเห็นได้ชัดว่า ราคาหุ้นมีการซื้อขายในแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่ระดับต่ำสุดในปี 2018 และได้รับโมเมนตัมอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ $104.47 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2021 แล้วหุ้นจะขึ้นต่อไหม? 

2️⃣ หุ้น Nvidia

NVIDIA Visual Computing Corporation ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย บริษัทดำเนินงานในสองแผนก: โปรเซสเซอร์ GPU และโปรเซสเซอร์ 

ส่วน GPU นำเสนอโปรเซสเซอร์ซึ่งรวมถึง GeForce สำหรับการเล่นเกมพีซีและการประมวลผลจำนวนมาก โดยมี GeForce NOW สำหรับการเล่นเกมบนคลาวด์ Quadro เหมาะสำหรับดีไซน์เนอร์ที่ทำงานด้านการออกแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย การตัดต่อวิดีโอ เอฟเฟ็กต์พิเศษ และแอปพลิเคชันสร้างสรรค์อื่นๆ รวมทั้งปัญญาประดิษฐ์ด้วย

กลุ่มโปรเซสเซอร์ Tegra ให้บริการโปรเซสเซอร์ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ SHIELD และบริการที่ออกแบบมาเพื่อใช้เทคโนโลยีคลาวด์เคลื่อนที่เพื่อปฏิวัติความบันเทิงภายในบ้าน ปัญญาประดิษฐ์และเกม DRIVE AGX สำหรับยานยนต์อัตโนมัติ และ Jetson AGX สำหรับหุ่นยนต์และการใช้งานแบบฝังตัวอื่นๆ

นั่นคือผลิตภัณฑ์ของบริษัทถูกนำมาใช้ในตลาดเกม การสร้างภาพระดับมืออาชีพ ศูนย์ข้อมูล และยานยนต์อย่างกว้างขวาง

โดยสามารถตรวจสอบราคาหุ้น Nvidia จากกราฟ ด้านล่าง

ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2022 Nvidia ได้รายงานผลประกอบการล่าสุดที่สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุนส่วนใหญ่

  • รายได้: 6.70 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี
  • กำไรสุทธิ: 656 ล้านดอลลาร์, ลดลง 72% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

ซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ ในบัญชีทดลองเทรดฟรี โดยใช้เงินเสมือนสูงถึง 50,000,000 ดอลลาร์ และเทรดในสภาพแวดล้อมที่คล้ายกับการซื้อขายในบัญชีจริงและในราคาเดียวกัน คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อเปิดบัญชีทดลองเทรดฟรีได้เลย

หุ้นอเมริกาในกลุ่มพลังงานสะอาด

1️⃣ หุ้น First Solar

First Solar บริษัทในสหรัฐอเมริกาที่ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์และจัดหาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ระดับสาธารณูปโภค ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและเป็นหนึ่งในหุ้นพลังงานสะอาดที่ดีที่สุดในโลก และมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ First Solar แตกต่างจากคู่แข่งหลายราย คือการใช้เทคโนโลยีโมดูลฟิล์มบาง ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับแผงโซล่าเซลล์ ซึ่งทำงานได้ดีกว่าในสภาพอากาศที่เหมาะน้อยกว่าเทคโนโลยีทั่วไป

นอกจากนี้ยังมีงบดุลที่ยอดเยี่ยม โดยในวันที่ 30 มิถุนายน 2022 First Solar มีเงินสดมากกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินสดคงเหลือที่เพียงพอนี้จะช่วยให้ First Solar มีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง และสามารถนำไปใช้ในอนาคตเพื่อผลักดันการเติบโตหรือคืนให้กับนักลงทุนผ่านการจ่ายเงินปันผล

ที่มา: Admirals MetaTrader 5 - กราฟราคารายสัปดาห์ของ First Solar Inc. ในช่วงวันที่: 14 ก.พ. 2016 - 15 ส.ค. 2022 วันที่เก็บภาพ: 16 ส.ค. 2022 หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต

จากกราฟราคาด้านบน ราคาหุ้นของ First Solar ค่อนข้างผันผวนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดีเกินคาด และร่างกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นพลังงานแสงอาทิตย์ในอนาคต

2️⃣ หุ้น NextEra Energy

NextEra Energy ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานลมชั้นนำในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่อีกด้วย โรงงานไฟฟ้าพลังงานลมตั้งอยู่ใน 20 รัฐของสหรัฐฯ และ 4 จังหวัดในแคนาดา มีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 20 GW และมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงถึง 7.9 GW ภายในปี 2024

การลงทุนใน NextEra ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้มีแหล่งพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม แต่เนื่องจากเป็นหุ้นปันผล จึงควรให้แหล่งรายได้แก่นักลงทุนด้วย ในขณะที่เขียน หุ้น NextEra นี้มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 1.87%

สิ่งที่อาจไม่เหมาะกับนักลงทุนก็คือ NextEra Energy ยังคงผลิตไฟฟ้าจำนวนมากจากเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนสำหรับ "True Zero" ภายในปี 2045 โดยภายใต้แผนเหล่านี้ การผลิตพลังงานของบริษัทจะมาจากแหล่งคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2045

ที่มา: Admirals MetaTrader 5 - กราฟราคารายสัปดาห์ของ NextEra ในช่วงวันที่: 21 ก.พ. 2016 - 9 ก.ย. 2022 วันที่เก็บภาพ: 9 ก.ย. 2022 หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต

หุ้น NextEra และหุ้นพลังงานแสงอาทิตย์ตัวแรกจะยังคงเพิ่มขึ้นหรือไม่? ติดตามพัฒนาการของราคาหุ้นบนแพลตฟอร์มการซื้อขายหุ้นในสหรัฐอเมริกาที่เทรดเดอร์ชื่นชอบได้ใน MT5!

โดยคุณสามารถดาวน์โหลดแพลตฟอร์มได้ฟรี โดยคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างและเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมพิเศษในการลงทุนหุ้นอเมริกาและ MetaTrader 5 Supreme Edition จาก Admirals เท่านั้น

เทรดบัญชีทดลองโดยปราศจากความเสี่ยง

ฝึกฝนการเทรดด้วยเงินจำลองฟรี

หุ้นอเมริกาในกลุ่มประกันภัย

ปี 2020 นับเป็นปีที่บริษัทประกันภัยมีกำไร เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด รวมทั้งความต้องการกรมธรรม์ที่หลากหลาย เช่น ประกันสุขภาพและประกันชีวิต หรือประกันทรัพย์สินและอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากแรงกดดันอย่างรุนแรงต่อสุขภาพและความไม่มั่นคงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดนี้

ตัวอย่างเช่น รายรับสุทธิของ UnitedHealth Group ในไตรมาสที่ 2 พิ่มขึ้นเพียง 3.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2019 เป็น 6.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ Warren Buffett นักลงทุนระดับตำนานชื่นชอบหุ้นประกัน

โดยมีนักลงทุนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังลงทุนในบริษัทประกันภัย เนื่องจากเป็นรูปแบบธุรกิจที่โดยทั่วไปใช้ได้ผลเมื่อเศรษฐกิจทั้งแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ

1️⃣หุ้น Berkshire Hathaway

Berkshire Hathaway บริษัทประกันที่ไม่เกี่ยวกับสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่บริษัทก็มีความสนใจอื่นๆ อีกมาก เนื่องจากเป็นช่องทางการลงทุนที่ว Warren Buffett นักลงทุนระดับตำนานเลือกใช้ นอกจากนี้บริษัทเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทที่มีชื่อเสียงเช่น Apple, Coca-Cola, Bank of America, American Express เป็นต้น

Berkshire ยังเป็นบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เช่นเดียวกับบริษัทมหาชนที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ในขณะที่บริษัทมีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจประกันภัยและการประกันภัยต่อ แต่บริษัทยังดำเนินการในภาคสาธารณูปโภคและพลังงาน เช่นเดียวกับการผลิตและการค้าปลีก

ที่มา: Admirals MetaTrader 5, กราฟราคารายเดือนของ BRKB ในช่วงวันที่: 1 มิ.ย. 2006 - 1 เม.ย. 2022 เข้าใช้วันที่ 1 เม.ย. 2022 เวลา12:30 น. GMT หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต

ในกราฟราคาระยะยาวรายเดือนของ Berkshire Hathaway (หุ้นคลาส B) จะเห็นได้ชัดเจนว่า มีแนวโน้มสูงขึ้นที่พัฒนาขึ้น สิ่งนี้ได้รับการยืนยันโดยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียลแบบ 20 คาบ (สีน้ำเงิน) 50 คาบ (สีแดง) และ 100 คาบ (สีเหลือง) ซึ่งทั้งหมดชี้ไปที่สูงกว่า

ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด ราคาหุ้นมีเสถียรภาพในช่วง ~$228.00 ถึง $186.00 อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 2021 ราคาสามารถทะลุออกจากช่วงและอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งเนื่องจากทะลุช่วงไปสู่จุดสูงสุดใหม่หลายครั้ง

ที่น่าสนใจคือ จากการรวบรวมข้อมูลแสดงให้เห็นว่า มีการซื้อหุ้น Class A ของ Berkshire Hathaway ในปริมาณที่ผิดปกติ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้โดยนักลงทุนสถาบัน ด้วยเบี้ยประกันสุทธิที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกันตน Berkshire Hathaway อยู่ในสถานะที่น่าสนใจที่จะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากพอร์ตหุ้นที่หลากหลาย

2️⃣หุ้น UnitedHealth 

UnitedHealth ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 และปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2020 มีรายได้มากกว่า 257 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทให้บริการผู้คนมากกว่า 75 ล้านคนและพนักงาน 350,000 คน บริษัทเป็นผู้นำในภาคธุรกิจนี้มานานหลายทศวรรษ และเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีดาวโจนส์ 30

และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ UnitedHealth อาจถือเป็นหนึ่งในหุ้นประกันที่จ่ายเงินปันผลได้ดีที่สุด เพราะมันได้เพิ่มการจ่ายเงินปันผลทุกปีตั้งแต่ปี 2010 และในขณะที่บริษัทให้คำแนะนำแบบอนุรักษ์นิยมในช่วงต้นปี 2021 บริษัทยังคงคาดว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) จะอยู่ที่ เติบโต 13. % ถึง 16%

หุ้นนี้เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้จัดการกองทุนที่เชื่อว่าบริษัทสามารถทำผลงานได้ดีกว่าตลาดในขณะที่เราก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเติบโตอย่างแข็งแกร่งสำหรับภาคการดูแลสุขภาพ

ที่มา: Admirals MetaTrader 5, กราฟราคารายเดือนของ United Health - ในช่วงวันที่: 1 มิ.ย. 2006 - 1 เม.ย. 2022 เข้าใช้งานวันที่: 1 เม.ย. 2022 เวลา 12:30 น. GMT หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต

กราฟราคารายเดือนระยะยาวด้านบน แสดงแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนสำหรับหุ้น UnitedHealth ด้วยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งหมดบนกราฟกำลังขยับขึ้นเพื่อยืนยันความเอนเอียงนี้ ในช่วงระหว่างปี 2010 - 2018 แนวโน้มมีความแข็งแกร่งมากจนราคาถดถอยไปที่หนึ่งในค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (เส้นสีน้ำเงิน 20 ช่วง) เพียงครั้งเดียว

ความผันผวนของช่วงเวลาการแพร่ระบาดโควิดทำให้ผู้ซื้อก้าวเข้าสู่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ประมาณ 50 ช่วงเวลา (สีแดง) เส้นเหล่านี้สามารถแสดงถึงพื้นที่การซื้อที่มีศักยภาพสำหรับนักลงทุน อีกทางหนึ่ง บางรายอาจเลือกที่จะเปลี่ยนไปใช้กรอบเวลาที่ต่ำกว่า เช่น กราฟรายสัปดาห์เพื่อหาโอกาสเพิ่มเติม

หุ้นอเมริกาในกลุ่มพลังงานฟอสซิล

หากคุณคิดว่าหุ้นกลุ่มก๊าซธรรมชาติน่าจะมีอยู่ในพอร์ต เนื่องจากราคาก๊าซที่สูงขึ้นจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ต้องห้ามพลาด!

1️⃣ หุ้น Cheniere Energy

Cheniere Energy ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้ดำเนินการ LNG รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก

โดยบริษัทซื้อก๊าซธรรมชาติจากตลาดสหรัฐอเมริกา ก่อนแปรรูปเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อจัดส่งให้กับลูกค้าที่ไม่สามารถรับสินค้าในรูปของก๊าซได้ (เช่น ลูกค้าในต่างประเทศ)

ในขณะที่ยุโรปกำลังดำเนินการเพื่อยุติการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย หุ้นก๊าซธรรมชาติอาจได้รับประโยชน์จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลิตและส่งออก LNG ในต่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญของ Cheniere ในด้านนี้ จึงคุ้มค่าที่จะพิจารณาสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นของบริษัทก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา

เช่นเดียวกับหลายๆ บริษัทในอุตสาหกรรมนี้ Cheniere ได้รายงานรายรับที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีรายได้รวมในไตรมาสแรกของปี 2022 ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 145% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ตาม แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็รายงานผลขาดทุน 613 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ ลดลงจาก 1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2021

การสูญเสียนั้นส่วนใหญ่เกิดจากการเรียกเก็บเงิน 3.5 พันล้านดอลลาร์ จากการสูญเสียอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับ LNG ในข้อตกลงที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความผันผวนของราคา Cheniere ไม่ได้เป็นเพียงรายเดียวในเรื่องนี้ เนื่องจากสต็อกก๊าซธรรมชาติอื่น ๆ จำนวนมากได้รับผลลัพธ์ที่คล้ายกันในไตรมาสแรก

แม้จะขาดทุน แต่รายได้ของ Cheniere ก็เติบโตอย่างน่าประทับใจ และยังคงเป็นตลาดที่ดีในช่วงที่เหลือของปี โดยปรับแนวทางผลประกอบการในปี 2022 เป็น 8.7 พันล้านดอลลาร์จาก 7.5 พันล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ปัจจุบันหุ้นของบริษัทนี้มีอัตราเงินปันผลตอบแทนเพียง 1%

ที่มา: Admirals MetaTrader 5 - กราฟราคารายสัปดาห์ของ Cheniere Energy Inc. ในช่วงวันที่: 13 ธ.ค. 2015 - 16 มิ.ย. 2022 วันที่เก็บภาพ: 17 มิ.ย. 2022 หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต

2️⃣หุ้น Kinder Morgan

Kinder Morgan หนึ่งในบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ดำเนินการหรือเป็นเจ้าของผลประโยชน์เกี่ยวกับท่อส่งก๊าซธรรมชาติยาวประมาณ 70,000 ไมล์ ซึ่งขนส่งก๊าซธรรมชาติประมาณ 40% ที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา

นอกจากก๊าซธรรมชาติแล้ว Kinder Morgan ยังดำเนินการและมีความสนใจในท่อส่งน้ำมันที่ขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ผ่านการกลั่นแล้ว น้ำมันดิบ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อีกด้วย

Kinder Morgan ให้บริการหลักแก่ลูกค้าภายใต้สัญญาระยะยาวที่คิดค่าธรรมเนียมเป็นหลัก ซึ่งหมายความว่าบริษัทมีรายได้ที่มั่นคงและเชื่อถือได้ นอกจากรายได้ที่มั่นคงแล้ว วิธีการนี้ยังหมายความว่าบริษัทมีการป้องกันที่ดีพอสมควรจากความผันผวนของราคาก๊าซธรรมชาติ

ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน นับว่าบริษัทสามารถสร้างรายได้ที่เชื่อถือได้และถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับนักลงทุน ยิ่งไปกว่านั้น รายได้ที่น่าเชื่อถือนั้นสามารถแปรเป็นการจ่ายเงินปันผลที่ดี เนื่องจากปัจจุบันผลตอบแทนจากเงินปันผลของ Kinder Morgan อยู่ที่ 6.3% 

ที่มา: Admirals MetaTrader 5 - กราฟราคารายสัปดาห์ของ Kinder Morgan ในช่วงวันที่: 29 พ.ย. 2015 - 16 มิ.ย. 2022 วันที่เก็บภาพ: 17 มิ.ย. 2022 หมายเหตุ: ประสิทธิภาพการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลลัพธ์ในอนาคต

หุ้นอเมริกาในกลุ่ม e-commerce และโลจิสติกส์

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซคือหนึ่งในผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงที่มีการแพร่ระบาด เนื่องจากการดำเนินการกักกัน การปิดร้านต่างๆ ได้ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่การซื้อจากแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเสื้อผ้า ของขวัญ อะไหล่รถยนต์ หรือแม้แต่อาหารและสินค้าอื่นๆ 

ซึ่งเหล่าบริษัทในภาคอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ต่างๆ ได้ฉายแววผ่าน pandemic ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Ebay, Amazon, Ali Baba, Home Depot, Walmart และอีกมากมาย ในขณะที่ชื่อด้านโลจิสติกส์อย่าง Fedex, DHL และ UPS หรือแม้แต่ Uber Delivery ก็มีปีที่แข็งแกร่ง ด้วยปริมาณงาน และรายได้ที่เพิ่มขึ้น

ซึ่งคุณสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของราคาแบบเรียลไทม์ได้โดยตรงจากในกราฟและสามารถทำการซื้อขาย CFD ในหุ้นกว่า 3,000 ตัว! พร้อมการใช้เลเวอเรจได้จากบัญชี Admirals Trade.MT5 ของเรา คลิกที่แบนเนอร์เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมและเปิดบัญชีก่อนใครได้แล้ววันนี้!

เทรดบัญชีทดลองโดยปราศจากความเสี่ยง

ฝึกฝนการเทรดด้วยเงินจำลองฟรี

บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

รู้จักกับ Admirals

Admirals คือ โบรกเกอร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย รวมทั้งได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหลากหลายองค์กรทั่วโลก โดยให้บริการซื้อขายตราสารทางการเงินมากกว่า 8,000 รายการ ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก อย่าง MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 เพื่อให้คุณลงทุนใน Forex และ CFD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจการลงทุน สามารถเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันนี้!

ข้อมูลเกี่ยวกับบทความ/สื่อที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์:

บทความหรือสื่อที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทั้งหมด ทั้งการประมาณการ การคาดการณ์ การทบทวนตลาด มุมมองรายสัปดาห์ หรือการประเมินหรือข้อมูลอื่นที่คล้ายคลึงกัน (ต่อไปนี้เรียกว่า "การวิเคราะห์") ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทการลงทุนของ Admirals ที่ดำเนินการภายใต้เครื่องหมายการค้า Admirals (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "Admirals") โปรดทำความเข้าใจในข้อมูลเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน

  • บทความนี้คือการสื่อสารการตลาด โดยมีเนื้อหาในการเผยแพร่เพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นจึงไม่สามารถตีความว่าเป็นคำแนะนำหรือคำแนะนำในการลงทุนได้ อีกทั้งบทความนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการดำเนินการก่อนการเผยแพร่งานวิจัยด้านการลงทุน
  • ลูกค้าแต่ละรายทำการตัดสินใจลงทุนทั้งหมดด้วยตนเอง โดย Admirals จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าจะอิงจากเนื้อหาหรือไม่ก็ตาม
  • Admirals ได้กำหนดขั้นตอนภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ด้วยมุมมองที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าและการวิเคราะห์ข้อมูล
  • บทความวิเคราะห์นี้ จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ Rakan Rashid ผู้ร่วมให้ข้อมูลอิสระ (ต่อไปนี้เรียกว่า"ผู้เขียน") ตามการประเมินส่วนบุคคล
  • เรามุ่งมั่นเพื่อให้แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดเชื่อถือได้และข้อมูลทั้งหมดที่ถูกนำเสนอนี้เข้าใจง่าย ทันเวลา แม่นยำ และครบถ้วนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้ Admirals จะไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ข้อมูลที่มีอยู่ในการวิเคราะห์
  • ไม่ควรตีความว่าผลการดำเนินงานของเครื่องมือทางการเงินในอดีตหรือแบบจำลองใดๆ ที่ระบุในเนื้อหาว่าเป็นคำแนะนำโดยชัดแจ้ง โดยปริยาย หรือโดยนัย จาก Admirals สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต มูลค่าของเครื่องมือทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง และไม่รับประกันการรักษามูลค่าของสินทรัพย์
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับส่วนต่าง; CFD) เป็นการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนหรือกำไร โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน
TOP ARTICLES
ลงทุนในหลักทรัพย์ สร้างพอร์ตลงทุน อย่างไร?
สร้างพอร์ตลงทุน นับเป็นสิ่งแรกที่นักลงทุนจำเป็นคำนึงถึงมีในการลงทุนในหลักทรัพย์ หากยังไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร คำตอบของคุณอยู่ที่นี่ส่องเทคนิคการลงทุนของ Warren Buffett Warren นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จสุดสุด ! ทุกเรื่องที่ควรรู้ในการสร้างพอร์ตลงทุน สร้างพอร์ตเพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์ง่ายๆ ใน...
ลงทุนอะไรดี ในปี 2024 วางแผนการลงทุนอย่างเหมาะสม เริ่มต้นที่นี่!
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การลงทุนอาจเป็นส่วนสำคัญในแผนการสำหรับอนาคตทางการเงินในระยะยาว เราจึงขอชวนคุณมาเตรียมให้พร้อมสำหรับการลงทุนในปีนี้ ไปพร้อมกับแนวคิดการลงทุนที่ดีที่สุดในปี 2024 ที่จะนำคุณไปส่องแนวคิดการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมวิธีเริ่มลงทุนด้วยค่าคอมมิชชั่นเบาๆ รวมทั้งการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ร...
หุ้นโค้กทางเลือกของคนอยากมี Passive Income ?
ส่องหุ้นโค้ก ในปี 2023 บริษัทน้ำอัดลมชั้นนำที่นอกจากผลตอบแทนที่โดดเด่นแล้ว ยังมาพร้อมกับการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องตลอดหลาย 10 ปี ด้วยมูลค่าที่สูงขึ้นในทุกๆ ครั้ง แล้วคุณมีหุ้นตัวนี้ในพอร์ตแล้วหรือยัง ? หากจะกล่าวว่า โคคา โคล่า (Coca Cola) หรือที่เราเรียกกันว่าโค้ก (Coke) คือหนึ่งในแบ...
ดูทั้งหมด