กำไรต่อหุ้น (EPS) คืออะไร รู้จักและเข้าใจก่อนเริ่มลงทุน!
กำไรต่อหุ้น หรือ EPS (Earning Per Share) คืออะไร ทำความรู้จักและเข้าใจพร้อมกันที่นี่!
แน่นอนว่าหากต้องการลงทุนในหุ้น ก็ต้องเลือกหุ้นให้เหมาะสมก่อน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนมักใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินความสามารถในการสร้างรายได้ของบริษัทเพื่อคัดเลือกหุ้นที่ต้องการนั้นคือ "กำไรต่อหุ้น" นั่นเอง
ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับกำไรต่อหุ้น (EPS)
กำไรต่อหุ้น หรือ EPS คือ
กำไรต่อหุ้น หรือ Earning Per Share - EPS คือ คำนวณโดยการหารกำไรสุทธิของบริษัท (หรือที่เรียกว่ากำไรหรือรายได้) ด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายได้แล้ว ตัวเลขผลลัพธ์จะถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
ยิ่ง EPS ของบริษัทสูงเท่าไร ก็ยิ่งทำกำไรได้มากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าตลาดยินดีจ่ายเท่าใดสำหรับรายได้แต่ละดอลลาร์
แต่ตัวเลขของกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่สูงก็ไม่น่าเชื่อถือเสมอไป และการรวมไว้ในงบการเงินประจำปีนั้นจำเป็นตามมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศมาตรฐาน (IFRS - มาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ และ US GAAP - หลักการบัญชีที่ยอมรับโดยทั่วไปของสหรัฐอเมริกา)
EPS สำคัญอย่างไร
การจัดอันดับ EPS ช่วยให้สามารถสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทได้ ทำให้กำไรต่อหุ้นหรือ EPS คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตัวบ่งชี้กำไรต่อหุ้น
- EPS สามารถใช้เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่างๆ ในช่วงเวลาใดก็ได้
- EPS สามารถใช้เพื่อประเมินสถานะทางการเงินของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้
- EPS ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวเลือกการลงทุนที่ดี ในทางกลับกัน บริษัทที่มีอันดับเครดิต EPS ที่ไม่แน่นอนหรือลดลงก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนที่มีประสบการณ์อาจงดการลงทุน
กล่าวได้ว่า EPS ที่สูงขึ้น หมายถึง ความสามารถในการทำกำไรที่มากขึ้น ซึ่งช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้มากขึ้นนั่นเอง
แต่การพิจารณาถึงปัจจับอื่นๆ นอกจาก EPS ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น กระแสเงินสด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท
ซึ่งกระแสเงินสดจะใช้บ่งชี้ถึงสภาพคล่องโดยรวมของบริษัท ที่แม้จะไม่นำมาพิจารณาในการคำนวณ EPS จึงสามารถสื่อได้ว่า แม้จะมีกำไรต่อหุ้นสูงก็ไม่ได้นำไปสู่ข้อสรุปที่เกี่ยวกับโอกาสในการล้มละลายของบริษัทเสมอไป
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสำรวจตลาดหุ้นอย่างปลอดภัยในฐานะนักลงทุน ควรอ่านคำแนะนำในวิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกวิธี
และหากคุณสนใจฝึกฝนการซื้อขายได้โดยไม่มีความเสี่ยงภายใต้สภาวะตลาดจริง สามารถลงทะเบียนใช้งานบัญชีทดลองฟรี เพื่อทดสอบทักษะ ทดสอบกลยุทธ์ และเรียนรู้ตลาดก่อนจะเข้าสู่ตลาดจริง! ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างได้เลย!
วิธีคำนวณกำไรต่อหุ้น
ตามทฤษฎีแล้ว การคำนวณกำไรต่อหุ้นนั้นตรงไปตรงมา โดยสามารถมีวิธีคำนวณกำไรต่อหุ้น ดังนี้
ตัวอย่างง่ายๆ: สมมติว่าในปีที่แล้ว บริษัท X และ Y มียอดขาย 500 ล้านยูโร หมายความว่าบริษัท X มีรายได้สุทธิ 100 ล้านยูโร แต่บริษัท Y มีรายได้สุทธิเพียง 50 ล้านยูโร คุณอาจคิดว่าหุ้นของบริษัท X ซื้อได้ดีกว่าหุ้นของบริษัท Y นี่คือจุดที่ EPS เข้ามามีบทบาท
สมมติว่าบริษัท X มีหุ้นคงเหลืออยู่ 50 ล้านหุ้น แต่บริษัท Y มีเพียง 10 ล้านหุ้นเท่านั้น เมื่อใช้สูตร EPS และสมมติว่าไม่มีบริษัทใดจ่ายเงินปันผล กำไรต่อหุ้นที่สอดคล้องกันสำหรับบริษัท X จะเท่ากับ 2 ยูโร แต่สำหรับบริษัท Y จะเท่ากับ 5 ยูโร ซึ่งตัวเองที่ออกมานี้จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของการตัดสินใจลงทุนของคุณ!
วิธีคำนวณกำไรต่อหุ้นแบบแยกตามคลาส
สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ หากมีการจ่ายเงินปันผลที่แตกต่างกันในหุ้นบางประเภท เช่น หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ก็จะเกอดความแตกต่างเกิดขึ้นระหว่างกำไรแบบกระจายและกำไรสะสม ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาเมื่อคำนวณกำไรต่อหุ้น ดังนี้
วิธีคำนวณกำไรต่อหุ้น - หุ้นสามัญ
นอกเหนือจากการจ่ายเงินปันผลที่เป็นไปได้แล้ว หุ้นสามัญยังให้สิทธิในการออกเสียงแก่ผู้ถือในการประชุมสามัญประจำปีของบริษัทหุ้นอีกด้วย หุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิออกเสียง แต่ได้รับเงินปันผลตอบแทนที่สูงกว่า
อย่างไรก็ตาม ในการคำนวณกำไรต่อหุ้น (EPS) ของหุ้นสามัญ จะต้องหักเงินปันผลเพิ่มเติมที่จ่ายให้กับหุ้นบุริมสิทธิ สูตรที่เกี่ยวข้องจะมีลักษณะดังนี้
วิธีคำนวณกำไรต่อหุ้น - หุ้นบุริมสิทธิ์
หุ้นบุริมสิทธิเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ไม่สนใจสิทธิในการออกเสียงลงคะแนน ในการคำนวณกำไรต่อหุ้นยังไงนั้นจะต้องกำหนดกำไรสุทธิที่เป็นของหุ้นบุริมสิทธิ์คงเหลือก่อน แล้วจึงบวกเงินปันผล (เพิ่มเติม) เข้าไป
จากสูตร ระดับของ EPS ขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วเป็นจำนวนมาก หากบริษัทจะออกหุ้นใหม่ หรือกำลังวางแผนเพิ่มทุน กำไรต่อหุ้นทางคณิตศาสตร์จะลดลงอย่างมาก EPS คงจะลดลงเช่นกัน
ในกรณีเหล่านี้ ตัวเลขสำคัญสำหรับนักลงทุนจึงเรียกว่ากำไรปรับลด EPS ที่คำนวณด้วยวิธีนี้แสดงให้เห็นว่ากำไรจะลดลงเท่าใดหากมีการออกหุ้นใหม่จริง ดังนั้น หากคุณต้องการกระจายการลงทุนในหุ้นก็มีสามารถซื้อ ETF หุ้น หรือหุ้นที่เป็นเศษหุ้น (ลงทุนหุ้นแบบ Fractional Shares) ได้
ซึ่งการลงทุนหุ้นแบบ Fractional Shares นี้จะช่วยช่วยให้สามารถซื้อหุ้นที่มีราคาแพงมากได้ในราคาเริ่มต้นเบาๆ และยังได้รับปันผลตามสัดส่วนอีกด้วย นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มหุ้นแต่ละตัวลงในพอร์ตการลงทุนตามเงินลงทุนที่ต้องการ พื่อสร้างความหลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูรายละเอียดการลงทุนหุ้นแบบ Fractional Shares คลิกด้านล่างได้เลย!
การวิเคราะห์ EPS ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
กล่าวได้ว่า รายได้ของบริษัทที่เพียงพอจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ แต่สำหรับคุณในฐานะนักลงทุนหุ้น ตัวชี้วัดการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเชิงลึก เช่น กำไรต่อหุ้น อาจมีความสำคัญมากกว่ามาก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการวิเคราะห์ EPS ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ดังนี้
- รายได้ของบริษัท
- การเติบโตของบริษัท
- บริษัทมีการสร้างผลกำไรหรือไม่
- หนี้ของบริษัท มีการชำระหนี้ไหม
- อัตราการลาออกของพนักงาน
- ฝ่ายบริหารใส่ใจพนักงานหรือไม่
การคำนวณกำไรต่อหุ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับกลยุทธ์การวิเคราะห์พื้นฐาน ตัวเลข EPS ที่ออกมาโดยมากมี 3 ประเภทที่แตกต่างกันตามแหล่งที่มาของข้อมูลที่นำมาคำนวณ ดังนี้
- EPS ต่อท้าย: ใช้ตัวเลขของปีที่แล้ว และถือเป็นกำไรต่อหุ้นจริง
- EPS ปัจจุบัน: ใช้ตัวเลขของปีปัจจุบัน แต่เป็นการคาดการณ์
- EPS คาดการณ์: ตัวเลข EPS โดยประมาณสำหรับปีต่อๆ ไปตามแนวโน้มปัจจุบัน
EPS เชิงลบ คืออะไร
แน่นอนว่าบริษัทต่างๆ ไม่ได้มีผลกำไรเสมอไป เมื่อเกิดการขาดทุน EPS ก็จะเป็นลบด้วยเช่นกัน ซึ่ง EPS ที่เป็นลบจะบอกให้คุณทราบอย่างชัดเจนถึงจำนวนเงินที่บริษัทเสียไปต่อหุ้นคงค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุที่เรียกอีกอย่างว่า "ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น" แต่ก็ไม่ควรใช้ EPS ในการตีค่าหุ้นนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ มักจะขาดทุนเป็นเวลาหลายปีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ได้ในเชิงพาณิชย์ ในทางกลับกัน สตาร์ทก็อัพมักต้องใช้เวลาในการเพิ่มยอดขายและความสามารถในการทำกำไร ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีหากบริษัทดังกล่าวค่อยๆ ลดการขาดทุนและเคลื่อนตัวไปสู่ตัวบ่งชี้ EPS ที่เป็นบวก
และในบริษัททั่วไปก็ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เช่น การตัดเงินลงทุนที่สำคัญและเป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้เกิดกำไรติดลบเป็นเวลากว่า 1 ใน 4 หรือมากกว่านั้น และ EPS ติดลบ ก็ไม่จำเป็นต้องหมายถึงอนาคตที่เลวร้ายในระยะยาว
ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก หากมี EPS ที่ติดลบ (ไม่ใช่เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นซ้ำๆ)
การตีความมูลค่าของ EPS
มูลค่า EPS ของบริษัทไม่ได้น่าเชื่อถือเสมอไป บางครั้งก็มีช่องว่างในการตีความที่ต้องเติมเต็ม ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์พื้นฐาน 2 ประการ ดังนี้
1. อย่าเปรียบเทียบสิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้
หากคุณต้องการประเมินบริษัทเทียบกับบริษัทอื่น ควรเปรียบเทียบอย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น โดยทั่วไปจะดู EPS ของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อเปรียบเทียบระหว่างคู่แข่ง
นอกจากนี้ ก็ควรตรวจสอบว่าคุณใช้ค่า EPS ที่คำนวณในลักษณะเดียวกัน (ดูวิธีคำนวณ EPS ด้านบน) ซึ่งจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบหุ้นสามัญกับหุ้นบุริมสิทธิ์ได้ เป็นต้น
2. อย่าดูแค่ภาพรวมของข้อมูล
ควรดูผลการดำเนินงาน EPS ของหุ้นในช่วงเวลาหนึ่งจะดีที่สุด ด้วยวิธีนี้ นักลงทุนสามารถเข้าใจได้ดีขึ้นว่าบริษัทมีผลกำไรในอดีตมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งยังสามารถดูพัฒนาการโอกาสของบริษัทในอนาคตได้ด้วย ซึ่งบริษัทที่มีกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็อาจถือเป็นการลงทุนที่เชื่อถือได้มากกว่าบริษัทที่กำไรต่อหุ้นลดลงหรือผันผวนอย่างมาก
หากคุณต้องการที่จะฝึกฝนทักษะการเทรดและทำความคุ้นเคยในแต่ละตลาด คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย! ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม!
กำไรต่อหุ้น (EPS) และคำถามที่พบบ่อย
กำไรต่อหุ้น (EPS) คืออะไร ?
กำไรต่อหุ้น (EPS) เป็นหน่วยวัดทางการเงินที่บ่งชี้ถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท และแสดงถึงส่วนของกำไรของบริษัทที่จัดสรรให้กับหุ้นสามัญที่จำหน่ายได้แล้วแต่ละหุ้น ซึ่งจะคำนวณโดยการหารกำไรสุทธิของบริษัทด้วยจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
EPS สำคัญอย่างไร - EPS มีผลต่อราคาหุ้นไหม ?
EPS มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในรูปแบบต่อหุ้นแก่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ ซึ่งจะช่วยให้ประเมินผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัท อีกทั้งยังสามารถใช้เพื่อเปรียบเทียบอำนาจรายได้ของบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทำให้กำไรต่อหุ้นถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาหุ้นของบริษัท และใช้ในแบบจำลองการประเมินมูลค่าและกลยุทธ์การลงทุนต่างๆ ได้
ใช้กำไรต่อหุ้น (EPS) ในการประเมินบริษัทอย่างไร ?
EPS สามารถใช้ในการประเมินบริษัทได้หลายวิธี นักลงทุนมักจะเปรียบเทียบ EPS ของบริษัทกับตัวเลข EPS ในอดีต เพื่อระบุแนวโน้มและประเมินความสามารถในการทำกำไรของบริษัทนั้นๆ ว่าจะดีขึ้นหรือลดลง นอกจากนี้ EPS ยังสามารถใช้เป็นตัวเลขเปรียบเทียบบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรม เพื่อวัดประสิทธิภาพที่สัมพันธ์กัน โดยทั่วไป EPS ที่สูงขึ้นก็จะแสดงถึงความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น แต่ยังต้องประเมินร่วมกับปัจจัยอื่นๆ เช่น การเติบโตของรายได้ อัตรากำไรขั้นต้น และการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม ร่วมด้วย
บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
- โอกาสในการลงทุนที่มือใหม่ทุกคนควรรู้!
- ทุกเรื่องที่มือใหม่ควรรู้ก่อนเทรดหุ้นออนไลน์
- รู้จักประเภทของหุ้นและหุ้นประเภทต่างๆ ก่อนเริ่มลงทุน
รู้จักกับ Admirals
Admirals โบรกเกอร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย และได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหลากหลายองค์กรทั่วโลกกว่า เช่น FCA, CySEC, ASIC, IIROC, EFSA, JSC เป็นต้น โดย Admirals ให้บริการซื้อขายตราสารทางการเงินมากกว่า 8,000 รายการ ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก อย่าง MT4 และ MT5 เพื่อให้คุณลงทุนใน Forex และ CFD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจการลงทุน สามารถเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันนี้!
ข้อมูลเกี่ยวกับบทความ/สื่อที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์:
บทความหรือสื่อที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทั้งหมด ทั้งการประมาณการ การคาดการณ์ การทบทวนตลาด มุมมองรายสัปดาห์ หรือการประเมินหรือข้อมูลอื่นที่คล้ายคลึงกัน (ต่อไปนี้เรียกว่า "การวิเคราะห์") ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทการลงทุนของ Admirals ที่ดำเนินการภายใต้เครื่องหมายการค้า Admirals (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "Admirals") โปรดทำความเข้าใจในข้อมูลเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน
- บทความนี้คือการสื่อสารการตลาด โดยมีเนื้อหาในการเผยแพร่เพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นจึงไม่สามารถตีความว่าเป็นคำแนะนำหรือคำแนะนำในการลงทุนได้ อีกทั้งบทความนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการดำเนินการก่อนการเผยแพร่งานวิจัยด้านการลงทุน
- ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนทั้งหมดด้วยตนเอง Admirals จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าจะอิงจากเนื้อหาหรือไม่ก็ตาม
- Admirals ได้กำหนดขั้นตอนภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ด้วยมุมมองที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าและการวิเคราะห์ข้อมูล
- บทความวิเคราะห์นี้ จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระผู้ร่วมให้ข้อมูลอิสระ (ต่อไปนี้เรียกว่า"ผู้เขียน") ตามการประเมินส่วนบุคคล
- เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดเชื่อถือได้และข้อมูลทั้งหมดที่ถูกนำเสนอนี้เข้าใจง่าย ทันเวลา แม่นยำ และครบถ้วนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้ Admirals จะไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ข้อมูลที่มีอยู่ในการวิเคราะห์
- ไม่ควรตีความว่าผลการดำเนินงานของเครื่องมือทางการเงินในอดีตหรือแบบจำลองใดๆ ที่ระบุในเนื้อหาว่าเป็นคำแนะนำโดยชัดแจ้ง โดยปริยาย หรือโดยนัย จาก Admirals สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต มูลค่าของเครื่องมือทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง และไม่รับประกันการรักษามูลค่าของสินทรัพย์
- ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับส่วนต่าง; CFD) เป็นการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนหรือกำไร โปรดทำความเข้าใจในความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจ