การเทรดคืออะไร? ทำเงินได้จริงไหม มือใหม่เทรดอะไรดี

การเทรดคืออะไร ? หากยังไม่เข้าใจก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายในการเริ่มต้น โดยเฉพาะในยุคที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ข้าวผัดกะเพราจานละ 60-70 บาท สถานการณ์ทางเศรษฐกิจแบบนี้ที่เงินเฟ้อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รายได้จากงานประจำไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และการมีรายได้มากกว่า 2 ช่องทางขึ้นไปจึงเป็นหนทางรอดสุดท้าย โดยหลายคนกำลังนำเงินมาลงทุน

คำตอบของ "การเทรดคืออะไร ?" มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญที่สุด คือ "มือใหม่ควรเลือกเทรดอะไรดี?" บทความนี้จะนำคุณไปดูคำตอบทั้งหมดนี้ และมันจะบอกว่า "คุณเหมาะสมกับการเป็นเทรดเดอร์หรือไม่?"

การเทรดคืออะไร ?

การเทรด (Trade) คือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทางการเงินผ่านระบบออนไลน์ เช่น หุ้น, ฟอเร็กซ์ หรือทองคำ เป็นต้น โดยทั่วไปจะเป็นการซื้อและขายในระยะเวลาที่สั้นมากๆ เพื่อสร้างทำกำไรจากส่วนต่างราคาของสินทรัพย์ที่มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

นั่นแปลว่า "การเทรด" เป็นลักษณะของการเก็งกำไรมากกว่าการลงทุน โดยนักเทรดจะต้องใช้ทักษะในการวิเคราะห์กราฟราคา ซึ่งอาจใช้หลักการของ "การวิเคราะห์ทางเทคนิค" (Technical Analysis) ในการประเมินจังหวะในการซื้อขายในระยะสั้น ซึ่งเทรดเดอร์มักจะเลือกสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น "การเทรด Forex" เนื่องจากสามารถสร้างกำไรในระยะสั้นได้เร็ว

อย่างไรก็ตาม ยังมีรูปแบบการเทรดที่เป็น "การเทรดระยะยาว" ซึ่งมีลักษณะคาบเกี่ยวกับรูปแบบของการ "ลงทุนระยะยาว" โดยนักลงทุนอาจเลือกใช้ "การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน" (Fundamental Analysis) ในการประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ทางการเงินเพื่อเข้าลงทุนในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน หรือเรานิยมเรียกว่า "ช้อนของถูก" นั่นเอง

โดยสรุป เทรดคือการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ให้ผลตอบแทน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่ต้องจัดการอย่างดีที่สุด

การเทรดในปัจจุบันจะเป็นการเทรดออนไลน์ทั้งหมดแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเทรดผ่านโปรแกรม MetaTrader 5 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและมีสินทรัพย์ให้เลือกเทรดอย่างหลากหลาย อีกทั้งยังสามารถซื้อขายได้มากกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ หรือการใช้ "เลเวอเรจ" อีกทั้ง มือใหม่ยังสามารถเลือกทดลองเทรดผ่านบัญชีทดลองเทรด ซึ่งทำให้สามารถฝึกเทรดได้เรื่อยๆ จนกว่าจะพร้อม

เริ่มต้นเทรดด้วยบัญชีทดลองเทรด ฟรี!

บัญชีทดลองเทรดจะสร้างความมั่นใจให้กับนักเทรดที่มีประสบการณ์อยู่แล้วและช่วยปิดจุดอ่อนต่างๆ ได้ นอกจากนี้ ก็เป็นเครื่องมือสำหรับ "เทรดเดอร์มือใหม่" ในการเรียนรู้ตลาด เพราะว่า!

• สามารถเทรดได้เหมือนตลาดจริงทุกประการ
• สามารถใช้เครื่องมือเทรดและสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมแบบบัญชีจริงทุกประการ
• คำนวณกำไรขาดทุนเหมือนเงินจริงทุกประการ และคำนวณตามราคาตลาดจริงๆ

การเทรดมีกี่ประเภท

การเทรดนั้นไม่ได้ถูกจำกัดในวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่สามามารถเลือกเทรดได้หลากหลาย ตามความชื่นชอบ สไตล์ หรือกลยุทธ์ของเทรดเดอร์ ซึ่งในการตอบคำถามที่ว่าการเทรดมีกี่ประเภทนั้น สามารถสรุปเทรดคือได้ ดังนี้ 

มือใหม่หัดเทรด ควรเลือกเทรดอะไรดี ?

Admirals ไม่ได้จำกัดตัวเองว่าเป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์หรือหุ้น แต่นำเสนอสินทรัพย์ทางการเงินที่ครอบคลุมทุกประเภท ซึ่งมีตั้งแต่สินทรัพย์ดั้งเดิมอย่าง หุ้น, ทองคำ, กองทุน ETF ไปจนถึงสินทรัพย์รูปแบบใหม่อย่างคริปโต 

แต่สำหรับมือใหม่หัดเทรด ที่ยังกังวลว่าควรเทรดอะไร หรือเลือกวิธีเทรดแบบไหน เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน เราจะสรุปลักษณะคร่าวๆ ว่าแต่ละประเภทนั้นเหมาะกับนักลงทุนแบบไหนหรือมีลักษณะนิสัยอย่างไรต่อจากนี้

1. เทรดฟอเร็กซ์ (Forex)

การเทรด Forex คือ การเทรดสกุลเงินของแต่ละประเทศ เช่น USD ของสหรัฐฯ, EUR ของยุโรป ธรรมชาติของค่าเงินจะมีความผันผวนสม่ำเสมอ เช่น วันละ 0.5 - 1% และกรอบการเคลื่อนไหวในแต่ละสัปดาห์มักมีจำกัด ทำให้เทรดเดอร์สามารถดักทำกำไรจาก "กรอบไซด์เวย์" ได้ง่าย (Range Trading)

ฟอเร็กซ์จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการความสม่ำเสมอของสินทรัพย์ในระยะยาว หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการ "ฝึกเทรดอย่างจริงจัง" เพราะมมีความผันผวนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เห็นลักษณะของพฤติกรรมราคาที่ครบทุกรูปแบบภายในเวลา 1-2 เดือน เช่น มีทั้ง Trend, Sideway ปะปนกันครบทุกสัปดาห์

2. เทรดทอง

การเทรดทอง ที่ปัจจุบันนิยมเทรดทองออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งเป็นการเทรดที่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการ "รอบการเทรด" ถี่มากกว่าฟอเร็กซ์ เนื่องจากทองมีความผันผวนมากกว่า จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดเพื่อจบภายในวันหรือที่เรียกว่า "เดย์เทรด" (Day Trading) หรืออาจเป็นการเทรดสั้นแบบกลยุทธ์ Scalping มากกว่า

3. เทรดน้ำมัน

เราสามารถเทรดน้ำมันได้เหมือนกับการเทรดฟอเร็กซ์หรือทองคำ แต่ราคาน้ำมันมีความผันผวนมากจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เช่น การประกาศนโยบายของ OPEC ว่าจะผลิตน้ำมันมากน้อยเพียงใด การสู้รบกันของประเทศมหาอำนาจ ฯลฯ ดังนั้น การเทรดน้ำมันจึงเหมาะกับนักลงทุนที่ถนัดด้านอ่านแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

4. หุ้นและกองทุน ETF

หุ้นและกองทุน ETF เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าพื้นฐานและมีการพัฒนาหลักการวิเคราะห์มูลค่าของสินทรัพย์กันมาอย่างยาวนาน เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ชอบอ่านงบการเงิน โดยหุ้นจะเคลื่อนไหวไปตามพื้นฐานของบริษัท เช่น ถ้ากำไรของบริษัทดี ราคาหุ้นก็จะพุ่งขึ้น ทั้งนี้ หากคุณสงสัยว่าเทรดหุ้นได้เงินจริงไหม นักลงทุนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในการเทรดหุ้น คือ Warren Buffett

การเทรด ทำเงินได้จริงไหม?

การเทรดสามารถสร้างกำไรได้จริง หลักการทำกำไรในการเทรด คือ การซื้อสินค้าราคาถูกเพื่อไปขายในราคาที่แพงกว่า หรือในทางตรงกันข้าม อาจเป็นการเปิดคำสั่ง "ขาย" (Short Sell) จากราคาแพงๆ โดยเมื่อราคาลดต่ำลงมา สถานะ Sell ที่เราเปิดอยู่ก็จะได้กำไร แต่ปัญหาในการเริ่มต้นการเทรดนั่น คือ ไม่รู้ว่าจะเทรดอะไร และไม่รู้ว่าจะเข้าเทรดตอนไหน?

แต่เมื่อคุณได้อ่าน "มือใหม่ ควรเลือกเทรดอะไรดี?" ในหัวข้อที่แล้ว ก็เหลือเพียง "วิธีการเทรด" โดยคุณต้องศึกษาหมวด "กลยุทธ์การเทรด" ซึ่งเราได้รวบรวมระบบเทรดที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างกำไรได้จริง โดยคุณอาจเริ่มต้นจากเป้าหมายเล็กๆ อย่าง "การเล่นหุ้นระยะสั้นให้ได้กำไรวันละ 500 บาท" เป็นต้น

เมื่อคุณศึกษาระบบเทรดและหลักการบริหารความเสี่ยงจนชำนาญแล้ว คุณก็จะค่อยๆ พบว่า โลกใบนี้ มีเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก เช่น Ray Dalio ที่เริ่มต้นจากการเป็นเทรดเดอร์พอร์ตเล็กๆ ที่เทรดขาดทุนจนต้องยืมเงินพ่อ แต่สุดท้ายก็พัฒนาการเทรดจนสามารถสร้างกองทุน Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้

การเทรดด้วย MT5

MT5 คือแพลตฟอร์มการเทรดชั้นนำ ที่มีเครื่องมือการวิเคราะห์กราฟระดับสูง ระบบการเทรดอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งเครื่องมือและระบบเทรดได้ตามต้องการ ข้อมูลการวิเคราะห์ตลาดแบบเรียลไทม์ พร้อมเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในหลากหลายภาษา รวมถึงภาษาไทยด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์สายข่าว หรือนักวิเคราะห์ทางเทคนิค MT5 คือแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

โดยปกติ คุณจะซื้อสินทรัพย์เมื่อคุณเชื่อว่าในอนาคตราคามันจะเพิ่มมากขึ้น คุณก็จะได้กำไรจากส่วนต่างที่คุณซื้อมาต่ำ แล้วไปขายในราคาที่สูงขึ้น แต่นักลงทุนมือใหม่มักไม่เข้าใจกรณีของ "Sell" เนื่องจากไม่เข้าใจว่า การเทรดออนไลน์บน MetaTrader 5 สามารถ Sell ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีสินทรัพย์นั้นอยู่ก่อนในมือ

คุณสามารถขายหรือ Sell สินทรัพย์ที่คุณเชื่อว่ามูลค่าจะตกลงได้ทันที (เป็นคุณสมบัติของสิ่งที่เรียกว่า CFD Trading) เป็นข้อดีที่เหนือกว่าของ MT5 ทั้งนี้ เราอาจจะเคยได้ยินการเทรดในลักษณะนี้ว่า "Short" นั่นเอง

เทรดเดอร์มืออาชีพที่เลือกเทรดกับ Admirals จะทราบกันดีอยู่แล้วว่า สามารถทดลองเทรดในตลาดได้โดยปราศจากความเสี่ยงจากบัญชีทดลองเทรด (Demo Account)

การเทรดของคุณจะง่ายดายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะแฟลตฟอร์ม MT5 ช่วยให้จำลองให้คุณสามารถเทรดได้เหมือนตลาดจริง ในสภาพแวดล้อมจริงทุกประการ พร้อทคำนวณเงินและราคาได้ตามตลาดจริง เพียงแต่เป็นการเทรดด้วยเงินที่จำลองขึ้นมาเท่านั้นเอง ทำให้คุณสามารถฝึดเทรดหรือทดลองกลยุทธ์ได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องเอาเงินทุนไปเสี่ยง

พื้นฐานกลยุทธ์การเทรด

การเทรดไม่ต่างจากการทำธุรกิจ ทุกอย่างต้องมีการวางแผน ทุกอย่างต้องมีเทคนิคและหลักการ สิ่งเหล่านี้ภาพรวมเรียกว่าระบบเทรด และไส้ในของระบบเศรษฐกิจมีสิ่งที่เรียกว่า “กลยุทธ์การเทรด” โดยกลยุทธ์การเทรดก็หมายถึงกลยุทธ์ที่สามารถอาศัยประโยชน์จากตลาดที่กำลังผันผวนอยู่ได้ เช่น การรอให้ตลาดเกิดสภาวะผิดปกติแบบหนึ่งๆ แล้วเราก็สอยโอกาสนั้นมา

1. Breakout

กลยุทธ์ Break Out คือกลยุทธ์ที่รอให้ราคาเคลื่อนผ่านจุดหนึ่งๆ แล้วจึงจะเริ่มต้นการเทรดได้ โดยมักจะต้องมองหากรอบการเคลื่อนไหวของราคาที่มีการแกว่งไปมาระหว่างแนวรับ แนวต้าน กรอบการเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวเรียกว่า Consolidation ซึ่งเป็นที่กรรมราคาในลักษณะนี้ถือว่าเป็นการพักตัวหลังจากที่ราคาเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้มมาสักระยะหนึ่ง การ Break Out ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งถือว่าเป็นการยืนยันทิศทางของราคานั้นๆ

2. Moving Average

กลยุทธ์ที่นิยมใช้กันมากอีกกลุยทธ์ในการเทรด คือ Moving average  ซึ่งเป็นเครื่องมือในลักษณะที่เรียกว่า Lagging โดยพื้นฐานถือว่าเป็นการวิเคราะห์ในเชิงปริมาณ โดยจะเป็นการนำราคาปิดย้อนหลังมาคำนวณค่าเฉลี่ย ซึ่งเมือเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบัน จะทำให้เห็นแนวโน้มของราคาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

จากตัวอย่างกราฟข้างต้น เส้น Moving average 25 วัน ซึ่งเป็นเส้นที่ใช้วันที่สั้นกว่าจะเห็นว่า มีการเคลื่อนไหวแนบชิดไปกับตัวราคาที่เกิดขึ้นจริง ในขณะที่เส้น Moving average 200 วันจะให้ภาพรวมที่กว้างกว่า และการตัดกันของเส้น Moving average 2 เส้น ในทางเทคนิคก็ถือว่าให้สัญญาณในการยืนยันทิศทางระยะยาว

หากเส้นระยะสั้นเคลื่อนเหนือกว่าเส้นระยะยาว เราสามารถสรุปได้เลยว่า ช่วงราคาณปัจจุบันถือว่าซื้อขายกันสูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งแปลว่า เราต้องใช้กลยุทธที่ใช้กับตลาดที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากเส้นระยะสั้นต่ำกว่าเส้นระยะยาว ในทางเทคนิคก็ถือว่าเป็นตลาดขาลง
 
เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะไม่ได้ใช้เส้น Moving average ในการสร้างสัญญาณการเทรดอย่างเดียว แต่อาจใช้ในลักษณะเพื่อยืนยันแนวโน้มโดยรวม ซึ่งหมายความว่าเราอาจนำเทคนิคของ Moving average ไปผสมกับกลยุทธ์ Break Out ที่พึ่งอธิบายไปข้างต้นได้ ซึ่งจะทำให้เราสามารถกำหนดจุดเข้าจุดออกที่ชัดเจนได้มากขึ้น นำไปสู่การควบคุมความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

3. Bollinger Bands

เครื่องมือยอดนิยมของเทรดเดอร์มืออาชีพที่เรียกว่า Bollinger Bands ซึ่งทำให้คุณสามารถเทรดตามแนวโน้มและกำหนดกรอบราคาเพื่อรอให้เกิดสัญญาณ Break Out ได้พร้อมพร้อมๆ กัน

ในทางตรงข้ามก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือเพื่อ “เทรดสวน” ได้ ซึ่งเทรดเดอร์ระยะสั้นนิยมใช้วิธีการนี้มาก เมื่อราคาแตะกรอบด้านใดด้านหนึ่ง และเกิดสัญญาณการหดตัวกลับของแท่งเทียน ก็จะถือเป็นสัญญาณที่ให้ Buy หรือ Sell กลับเข้ามา

จากภาพด้านล่างจะเห็นว่า ลูกศรสีเขียว คือโอกาสที่คาดว่าจะเป็นไปได้สำหรับการเข้าเทรดสวน เช่น ถ้าราคาแตะกรอบบนของกรอบ Bollinger Bands ก็ให้ Sell กลับเข้ามา 

แต่อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น กรอบของ Bollinger Bands สามารถใช้เป็นกรอบสำหรับการพิจารณาเพื่อการเทรดแบบ Breakout ได้ทันที หรือหากใช้สำหรับการติดตามแนวโน้ม ก็ให้ใช้เส้นตรง Bollinger Bands ในการตรวจสอบว่าภาพรวมของราคาเป็นแนวโน้มขาลงหรือขาขึ้น หรือเป็นไซด์เวย์

เทรดอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ 

1. เงินเย็นเท่านั้น

หนึ่งในสิ่งที่มีประสิทธิภาพมากๆ ในการหลีกเลี่ยงการขาดทุนจากการเทรด นั่นก็คือการลงทุนในความรู้ของตัวคุณเอง และที่สำคัญคือเงินก้อนนี้คุณต้องไม่คาดหวังว่าจะสามารถทำกำไรได้โดยเร็ว และต้องเผื่อให้สามารถรองรับการขาดทุน (ติดดอย) ได้บ้าง ดังนั้น เงินที่คุณนำมาลงทุนควรเป็นเงินเก็บที่เป็นเงินเย็นเท่านั้น

2. อยู่กับแผน

คุณต้องศึกษาวิธีการวางแผนการเทรด คุณต้องศึกษาพื้นที่ของกราฟว่าคุณจะเข้าเทรดตรงไหน แล้วจะยอมตัดขาดทุนเมื่อไร ซึ่งเรื่องนี้ คุณต้องกลับไปศึกษากราฟย้อนหลัง และออกแบบระบบเทรดที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง และเมื่อคุณได้ระบบเทรดและแผนการเทรดแล้วก็ต้องยึดมั่นกับแผนการเทรดของคุณ

3. ฝึกฝน ฝึกฝน ฝึกฝน

ฝึกฝนเท่านั้นที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรด แต่การฝึกฝนก็ไม่ควรทำให้คุณต้องบาดเจ็บหรือเสียเงินเสียทองมากมาย ซึ่งคุณต้องฝึกการเทรดผ่านบัญชีทดลอง ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเห็นว่าจะมั่นใจ ทั้งนี้ คุณสามารถเปิดบัญชีทดลองเทรดได้เพียง คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ - เปิดบัญชีฟรี!

4. ฝึกการหลักการวิเคราะห์ตลาด

บางคนอาจคาดการณ์ตลาดจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เช่น ข่าวเศรษฐกิจ, สถานการณ์ทางการเมือง บางทีเราก็เรียกว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ในขณะที่เทรดเดอร์บางคนอาจใช้การวิเคราะห์กราฟหรือที่เรียกว่า Technical analysis เพียงอย่างเดียว ซึ่งทั้งหมดก็เป็นวิธีการที่สามารถทำกำไรได้เช่นกัน ขอเพียงคุณฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

5. รู้ขีดจำกัดตัวเอง

การคำนึงถึงความเสี่ยงอยู่เสมอคือสิ่งที่ควรจะเป็น คุณควรจะรู้ว่าลิมิตของตนเองอยู่ที่ไหน และต้องศึกษาเทคนิคการตั้ง Stop Loss อย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องเงินลงทุนของคุณไม่ให้เสียหาย เพราะถ้าหากไม่มีเงินให้เทรด ก็หมายถึงไม่มีโอกาสที่จะอยู่ในเกมต่อไป คำว่า “รวย” แทบจะไม่ต้องพูดถึง 

6. รู้ว่าควรถอย

หลังจากที่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง คุณควรดูขีดจำกัดของตลาดด้วย นั่นหมายความว่าคุณควรรู้ว่าจุดไหนของราคาคือจุดที่คุณควรจะออกหรือ Cut loss ออกมาทันที สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณสามารถรวิเคราะห์กราฟที่มากพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับมือใหม่

7. อย่าเทรดตามอารมณ์

อย่าเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง อย่าให้ความโลภหรือเอาเงินที่คาดว่าจะได้มาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ การเทรดทุกครั้งต้องคำนึงถึงโอกาสที่จะสูญเสีย คุณต้องตัดอารมณ์ทั้งหมดของคุณออกไป และโฟกัสที่จุดเข้าจุดออกและความน่าจะเป็นเท่านั้น

อยากเทรดแบบล้างแค้น (Revenge trading) การเทรดแบบนี้คือการเทรดทันทีหลังจากสูญเสียเงินทุน มันช่วยให้สภาวะจิตใจของคุณดีขึ้นหลังจากพบกับความเจ็บปวดจากการขาดทุน แต่สถิติพบว่า วิธีการนี้ทำให้สูญเสียเงินจำนวนมาก หลังจากทำการเทรดแบบต่อเนื่อง

8. ความสม่ำเสมอ

สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการเทรดจริงๆ แล้วก็คือความ “สม่ำเสมอ” ทุกคนเคยเสียเงิน ไม่มีใครที่จะได้กำไรตลอดเวลา แต่ในระยะยาวต้องได้กำไร ซึ่งหมายความว่าอาจมีวันที่แย่สำหรับคุณ คุณเพียงแค่ออกจากการเทรดและรอโอกาสในวันต่อไป อย่าลืมว่าอย่าทำการ “Revenge trading” อย่างเด็ดขาด

9. อย่ากลัวการเติบโต

อย่ากลัวที่จะต้องปรับแผนและวางแผนการเงิน เพื่อโอกาสในการเติบโตใหม่ๆ หากเงินทุนของคุณเติบโตขึ้น คุณต้องปรับสมดุลระหว่างความโลภเกินจริงกับกับการเติบโตของพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพ หากพอร์ตของคุณโตจากการเทรดอย่างถูกต้อง มันก็ถึงเวลาแล้วที่คุณจะขยายเป้าหมายกำไรให้มากขึ้น

10. เลือกโบรกเกอร์ที่ใช่

และสุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกว่าคุณจะเทรดผ่านโบรกเกอร์ไหนดี ซึ่งต้องเป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและเป็นโบรกเกอร์ที่จะรับประกันว่าคำสั่งซื้อขายของคุณจะได้รับการส่งไปอย่างตรงเวลา มีต้นทุนการดำเนินการที่ถูกที่สุด และแน่นแนว่า Admirals จะตอบโจทย์นี้

เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ Admirals!

• เปิดบัญชีทดลองเทรดได้ฟรี และเปิดใหม่ได้เรื่อยๆ หากบัญชีหมดอายุ
• เทรดตลาด Commodity สำคัญๆ ได้ครบทุกตัว ทองคำ, น้ำมัน, แร่ธรรมชาติ ฯลฯ
• ฝึกลงทุนแบบนักลงทุน VI ด้วยพันธบัตรและกองทุน ETF ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ARK, iShare, SPDR
• ทดลองเทรดค่าเงิน Forex ได้หลากหลาย ทั้งสกุลเงินหลัก USD, EUR, GBP หรือสกุลเงินเอเซีย AUD, NZD, SGD เป็นต้น

การเปิดบัญชีกับ Admirals นั้นสะดวกรวดเร็วมากๆ คุณเพียงกรอกแค่ชื่อกับอีเมลเท่านั้น คุณก็จะได้รับอีเมลรหัสสำหรับการเข้าเทรด และลิงค์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมเทรด คลิกเปิดบัญชีที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ได้เลย

การเทรดคืออะไร: คำถามที่พบบ่อย

ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อการวิเคราะห์:

สื่อ, สารสนเทศที่ได้นำเสนอมีรายละเอียดที่เชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ การประเมินผลลัพธ์ การคาดการณ์และการพยากรณ์รายเดือนหรือรายสัปดาห์ รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะของข้อมูลในรูปแบบเดียวกัน (ต่อไปจะเรียกว่า "การวิเคราะห์") ซึ่งได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ Admirals SC Ltd. ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โปรดศึกษาและพิจารณาข้อควรระวังดังต่อไปนี้

• นี่คือการสื่อสารทางการตลาด การวิเคราะห์ที่ถูกเผยแพร่ไปนั้น มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำทางด้านการลงทุน ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน (Independence of Investment Research) และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใด ๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน
• การตัดสินใจลงทุนใดๆ ของลูกค้า เป็นการตัดสินใจแต่โดยลำพังของลูกค้าเอง ซึ่ง Admirals SC Ltd.จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นผลจาก "การวิเคราะห์" หรือไม่ก็ตาม
• ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าของเราและความเที่ยงธรรมของการวิเคราะห์ Admirals SC Ltd ได้กำหนดกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
• การวิเคราะห์จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ (นักวิเคราะห์) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้เขียน") เนื้อหาเป็นไปตามการประมาณการณ์ส่วนบุคคล
• ในขณะที่ใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้แน่ใจว่า แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดมีความน่าเชื่อถือและมีการนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในลักษณะที่เข้าใจได้ทันเวลา แม่นยำและครบถ้วนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Admirals SC Ltd ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของ ข้อมูลใด ๆ ที่อยู่ในการวิเคราะห์
• ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาหรือแบบจำลองใด ๆ ในอดีตของเครื่องมือทางการเงินที่ระบุไว้ในเนื้อหา ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการรับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยโดย Admirals SC Ltd สำหรับผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในอนาคต มูลค่าของตราสารทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นและลดลง ไม่มีการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้น
• ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับความแตกต่าง; CFD) เป็นลักษณะของการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียหรือกำไร ก่อนที่คุณจะเริ่มการซื้อขายโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้