Hedge Fund คืออะไร : กลยุทธ์ของกองทุน Hedge Fund มีอะไรบ้าง?

Admirals
15 นาที

นักลงทุนที่มีความมั่งคั่งทางสินทรัพย์ที่มหาศาล มักมองหาช่องทางการทำเงินให้งอกเงยจากการลงทุน แต่เมื่อขนาดเงินลงทุนที่เยอะขึ้น การลงทุนด้วยตัวเองย่อมสร้างภาระในการจัดการ อีกทั้ง ก็แทบจะนึกไม่ออกว่า ควรจะลงทุนในหุ้นตัวไหน เนื่องจาก Market Cap อาจเล็กเกินไปสำหรับเงินลงทุนที่มีอยู่ ดังนั้น การลงทุนใน Hedge Fund จึงมักเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

กองทุน Hedge Fund มักสามารถสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างมาก มีการบริหารจัดการที่รอบคอบ โดยผู้จัดการกองทุน Hedge Fund จะใช้กลยุทธ์การเทรดที่หลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราจะพาไปทำความรู้จักอย่างคร่าว ๆ ในบทความนี้

Hedge Fund คือ

Hedge Fund คือ กองทุนรวมเพื่อการลงทุนประเภทหนึ่ง ที่สามารถใช้กลยุทธ์หรือตราสารที่ซับซ้อนได้อย่างอิสระ เนื่องจากมักไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด เพราะถือว่าผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนมีความรู้ด้านการลงทุนในระดับสูง สามารถยอมรับความเสี่ยงในระดับสูงได้ จึงไม่มีข้อกำหนดเพื่อปกป้องนักลงทุนสำหรับกรณีของ Hedge Fund ไว้เป็นกรณีพิเศษ

ซึ่งแตกต่างจากกองทุนรวมทั่ว ๆ ไป ที่ถือว่า 'นักลงทุน' มีความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับที่แตกต่างกัน กองทุนรวมเองก็ต้องดำเนินตามเกณฑ์การซื้อขายอย่างเคร่งครัด ซึ่งมักไม่สามารถใช้ตราสารอนุพันธ์ในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับขนาดกองทุนที่บริหารอยู่ได้ หรืออาจเป็นข้อกำหนดที่ไม่สามารถซื้อหุ้นที่มี Market Cap ขนาดเล็กได้ เป็นต้น

ซึ่งคำว่า "Hedge Fund" มาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้จัดการกองทุน Hedge Fund สามารถป้องกันความเสี่ยง หรือ "Hedge" งสถานะการลงทุนที่ตนกำลังถือครองอยู่ ได้ทั้งฝั่ง "ซื้อ" (Long) หรือฝั่งขาย (Short) นั่นหมายความว่า ในทางทฤษฎีแล้ว กำไรสามารถเกิดขึ้นได้ 'ตลอดเวลา' ไม่ว่าตลาดจะขยับไปในทิศทางใดก็ตาม

▶ Hedge Fund vs กองทุนรวมทั่วไป

สรุปก็คือ Hedge Fund และกองทุนรวมมีความคล้ายคลึงกัน ต่างก็มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนทั้งสิ้น แต่ Hedge Fund สามารถใช้กลยุทธ์อะไรก็ได้ ดังนั้น กลยุทธ์ Hedge Fund จึงดูเหมือนจะกล้าได้กล้าเสียมากกว่า มีกลยุทธ์ที่ Aggressive หรือสามารถทำให้เกิดความเสียหายของเงินทุนได้รุนแรงกว่า กองทุนรวมทั่ว ๆ ไป

โดยทั่วไป Hedge Fund มักมีข้อกำหนดในการลงทุนที่สูงกว่ากองทุนรวมมาก เช่น ต้องมีเงินลงทุนมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป เป็นต้น

Hedge Fund มีประวัติความเป็นมาอย่างไร?

ในปี 1949 กองทุน Hedge Fund กองแรกสุด ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยชายที่ชื่อว่า Alfred Winslow Jones ผ่านบริษัท A.W. Jones & Co. ของเขา ด้วย Alfred ต้องการทราบว่า จะเกิดอะไรขึ้น? หากเขาพยายามถือครองสินทรัพย์ใดๆ เพื่อการลงทุนในระยะยาว ไปพร้อมๆ กับการ "ขายชอร์ต" หุ้นตัวอื่น ๆ ที่ทำผลงานได้ไม่ดี จุดเริ่มต้นมันง่ายแค่นี้เลย

แล้วคำถามต่อมาของ Alfred คือ หากเขาลองใช้ "Leverage" เข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ มันจะสามารรถเป็นไปได้หรือไม่? เพราะในวิธีคิดพื้นฐานทั่วไป หากเรามีสัดส่วนการ Long & Short ที่ใกล้ ๆ กัน ความเสี่ยงของกองทุนก็ไม่น่าจะสูงมากนัก เพราะผลกำไรก็จะมาคานกัน

แนวคิดเรื่องของการแบ่งรายได้ให้กับผู้จัดการกองทุนในแบบที่เรียกว่า Percentage-Based Incentive Fee ซึ่งจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์รายได้สำหรับพาร์ทเนอร์ที่บริหารจัดการกองทุนตามผลการดำเนินงานจริงก็เกิดขึ้นครั้งแรกในตอนที่ Alfred เริ่มทำ Hedge Fund เช่นกัน

และแน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ "เร้าใจ" ก็ทำให้การลงทุนใน Hedge Fund เพิ่มสูงขึ้น จนในปัจจุบัน มีการประมาณการกันว่ามี Hedge Fund ที่ดำเนินการอยู่ทั่วโลกประมาณ 10,000 กองทุน และสินทรัพย์ภายใต้การจัดการราว ๆ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2021

▶ รู้หรือไม่ว่า? คุณเองก็เปิด Hedge Fund ได้!

โบรกเกอร์ Admirals ให้บริการตราสารการลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่ค่าเงินสำคัญของโลก เช่น USD, GBP หรือสินค้าโภคภัณอย่าง ทองคำ, น้ำมัน ฯลฯ นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถเทรด Long & Short ได้เหมือน Hedge Fund ผ่านตราสาร CFD ทดลองใช้บัญชีทดลองได้ฟรี คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง!

กลยุทธ์ Hedge Fund ที่ได้รับความนิยม

Hedge Fund จำนวนมากตั้งอยู่ในอเมริกาและเน้นลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกา เนื่องจาก Hedge Fund จะมีการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายกว่ากองทุนรวมมาก จึงจำเป็นต้องลงทุนที่ตลาดที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ทั้งนี้ วิธีการแบ่งประเภทของ Hedge Fund จึงมักแบ่งกันตาม "ประเภทของกลยุทธ์" แต่ไม่มีใครสามารถบอกได้จริงๆ ว่า สรุปแล้วกลยุทธ์ของ Hedge Fund ในโลกนั้นมีกี่กลยุทธ์ เราจึงคัดสรรเฉพาะกลยุทธ์หลักๆ ที่ได้รับความนิยมในการทำ Hedge Fund ดังต่อไปนี้

▶ กลยุทธ์ Market Neutral

กองทุนที่ใช้กลยุทธ์ Market neutral จะคล้ายคลึงกับกองทุนที่ใช้กลยุทธ์ Long/Short equity หลายประการ กองทุนประเภทนี้จะไม่ใช้ปัจจัยเกี่ยวกับ "สภาวะตลาด" มาเป็นตัวชี้วัดหลักในการลงทุนหรือไม่ลงทุน แต่จะพยายามลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดโดยการรักษาสัดส่วนของการลงทุนทั้งฝั่ง "ซื้อ" และฝั่ง "ขาย" ให้มีความสมดุลกัน นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า "Neutral" (เป็นกลาง) พูดง่ายๆ คือ ไม่ได้โฟกัสที่ "ทิศทางตลาด" แต่เน้นสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ในพอร์ต กลยุทธ์นี้อาจมีการใช้เลเวอเรจบ้างในบางกรณีเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน

▶ กลยุทธ์ Long / Short Equity

กลยุทธ์นี้ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีการใช้มากที่สุดและเป็นกลยุทธ์ที่ Jones ใช้ตั้งแต่ปี 1949 หลักการเรียบง่ายมากคือ โอกาสชนะทั้งในการลงทุนที่วิ่งขึ้นและดิ่งลง ซึ่งเป็นการเปิดตำแหน่งซื้อในบริษัทหรือ สินค้าโภคภัณฑ์ที่คาดว่าจะทำผลงานได้ดีและเลือกอีกบริษัทที่ทำผลงานไม่ค่อยดี (ซึ่งมักอยู่ในหมวดเดียวกัน) และเปิดตำแหน่งขายบริษัทดังกล่าว ซึ่งคล้ายคลึงกับการเทรดจับคู่ (Pair Trading) และไม่เพียงเพิ่มโอกาสความสำเร็จสูงสุดแต่ยังเป็นวิธีลดความเสี่ยงที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม Hedge Fundที่ใช้กลยุทธ์ long/short equity ยังเป็นหนทางที่ดีในการป้องกันความเสี่ยงของสถานะ หากกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ราคาหุ้นทั่วโลกตกลงหรือเพิ่มขึ้น อย่างน้อยหนึ่งการลงทุนจะมีโอกาสทำกำไร และช่วยจำกัดผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของอีกการลงทุนหนึ่ง

▶ กลยุทธ์ Event Driven

บางครั้งก็เรียกว่าการลงทุนตามเหตุการณ์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความแตกต่างในมูลค่าของบริษัททำให้เกิดความน่าสนใจ ซึ่งสามารถเป็นได้ตั้งแต่ด้านบวก เช่น การเสนอซื้อกิจการหรือนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่จนถึงด้านลบ เช่น รายได้ไม่ถึงรายได้ประมาณการหรือการลาออกของทีมบริหารอาวุโสอย่างน้อยหนึ่งคน

▶ Quantitative Investment

การลงทุนที่อาศัยการลงทุนเชิงปริมาณนั้นใช้ตัวแบบทางคณิตศาสตร์และสถิติที่มีเป้าหมายในการค้นหาและพยากรณ์แพทเทิร์นในโลกการเงิน ซึ่งพึ่งพาการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากและดำเนินการโดยอาศัยการประมวลผลอันซับซ้อน ในหลายกรณี การตัดสินใจลงทุนกระทำโดยอัตโนมัติและไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์ และมักนิยมใช้กับแพทเทิร์นเทรดที่มีความถี่สูงซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยโดยใช้อัลกอริทึมซึ่งขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI)

ภาพรวมของกลยุทธ์อื่น ๆ

จริง ๆ จะเห็นว่า ส่วนใหญ่ของกองทุนจะเป็นลักษณะ Long / Short Strategy หมดแล้ว แต่กรณีที่เน้นแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็มี เช่น Long-only Equity โดย เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ใกล้เคียงกับกองทุนรวมแบบดั้งเดิมที่สุด ผู้จัดการกองทุน Hedge Fund ที่ใช้กลยุทธ์นี้มักจะเน้นการลงทุนระยะยางเป็นหลัก หรือเป็นลักษณะ "Buy and Hold" นั่นเอง

1. Short-only Equity

ในทางตรงกันข้าม แนวทาง Short Only เล็งทำกำไรจากการขายชอร์ตหุ้นที่คาดว่าจะตกลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยใช้ทักษะในการค้นหาบริษัทที่อาจแสดงสัญญาณที่ไม่ดีซึ่งนักลงทุนคนอื่น ๆ อาจมองข้ามไป และต้องพึ่งพาตลาดโดยรวมที่เป็นขาลง กลยุทธ์นี้เป็นแนวทางที่สามารถทำกำไรก้อนโตหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ แต่ก็เป็นแนวทางที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงและไม่เหมาะสำหรับผู้จัดการกองทุนที่ใจไม่ถึง

ตัวอย่างเช่น ในปี 2020 ผลกระทบของโคโรนาไวรัสสร้างความเสียหายอย่างมากในหลายอุตสาหกรรม หนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างจังคือ อุตสาหกรรมการบิน ซึ่งคุณจะเห็นกราฟรายสัปดาห์ระยะยาวของ Deutsche Lufthansa's (LHA) ด้านล่าง

Disclaimer : กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

ราคาหุ้นของสายการบินนี้ไม่ได้ตกลงในช่วงที่เกิดโคโรนาไวรัสเท่านั้น แต่บริษัทเองก็ประสบปัญหาก่อนหน้าการได้รับผลกระทบจาก โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ที่ควบคุมตลาดในปี 2020 ข้อเท็จจริงคือ ราคาหุ้นสายการบินนี้ตกมาตั้งแต่ต้นปี 2018 ด้วยสายการบินต้นทุนต่ำล้นตลาด ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์ (event-driven) ที่ hedge fund มองหา

2. Global Marco

แนวทาง global macro เป็นกลยุทธ์ที่ศึกษาแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคและปัจจัยพื้นฐานเพื่อพยายามคาดการณ์ผลกระทบที่จะส่งผลกับอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย สินค้าโภคภัณฑ์หรือตราสารทุนจากทั่วทุกมุมโลก ตัวกองทุนเองสามารถเทรดได้ทุกเครื่องมือทางการเงิน แต่มักเน้นตราสารอนุพันธ์ ฟิวเจอร์สและสกุลเงิน หลักทรัพย์เหล่านี้ยังสามารถใช้เลเวอเรจระดับสูงเพื่อผลกำไรที่คาดว่าจะได้รับสูงสุด

แต่เดิมแล้ว hedge fund จำนวนมากจะเล็งตลาดสกุลเงินและสินค้าโภคภัณฑ์สำหรับกลยุทธ์ global macro ด้วยสกุลเงินมีแนวคิดเรียบง่าย - ซื้อสกุลเงินที่แข็งค่าและขายสกุลเงินที่อ่อนค่า โดยปรกติแล้ว การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่จะขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์ (event-driven) ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงจากธนาคารกลางหรือการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของเศรษฐศาสตร์การเมืองหรือพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

ตัวอย่าง กราฟรายสัปดาห์ระยะยาวด้านล่างคือ ดอลลาร์สหรัฐกับเรียลบราซิล (USDBRL)

Disclaimer : กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

จากกราฟข้างต้น เรียลบราซิลอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2011 ถึงแม้จะมีช่วงเวลาที่เรียลบราซิลแข็งค่ากว่าตั้งแต่ปี 2015 จนถึง 2017 ด้วยผู้นำทางการเมืองที่ล้มเหลวและเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้สกุลเงินของบราซิลเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ตามจริงแล้ว คู่สกุลเงินนี้อยู่เหนือเส้น exponential moving average รายสัปดาห์ 200 ซึ่งป็น Indicator MT4 มาตรฐาน โดยวันนับตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวระยะยาวที่ hedge fund มองหา

คุณทราบหรือไม่ว่า Admirals ให้คุณสามารถเปิดบัญชีเทรดเพื่อเทรด CFD และเปิดตำแหน่งซื้อและขายบนตลาดที่เลือกและคุณยังสามารถเปิดบัญชีลงทุนเพื่อซื้อหุ้นและ ETF ได้อีกด้วย!

คุณสามารถซื้อหุ้นของบริษัทที่คุณคิดว่าทำผลงานได้ดี ขณะที่ขายชอร์ตหุ้นของบริษัทที่คุณคิดว่าทำผลงานไม่ดี เพื่อป้องกันความเสี่ยงของสถานะของคุณ (ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า hedge fund! – 'กองทุนป้องกันความเสี่ยง')

บัญชี MT5 ของ Admirals ช่วยให้คุณสามารถลงทุนในหุ้นและ ETF จาก 15 ตลาดหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คุณยังสามารถที่จะ

  • เปิดบัญชีด้วยเงินฝากขั้นต่ำเพียง 25 USD
  • รับข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์แบบไม่สะดุดได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • สร้างแหล่งรายได้ที่ไม่ได้มาจากการทำงาน (Passive income) โดยการรับเงินปันผล
  • ใช้แพลตฟอร์มเทรดหลากสินทรัพย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง MetaTrader 5

เปิดบัญชีฝึกเทรดฟรี!

3. Credit Structure Arbitrage

Credit Structure arbitrage เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ hedge fund ชั้นเยี่ยม โดยผู้จัดการกองทุนค้นหาโอกาสในการใช้ประโยชน์จากมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างหลักทรัพย์ต่าง ๆ จากบริษัทผู้ออกเดียวกัน พวกเขายังมองหาหลักทรัพย์ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือเท่ากัน ตัวอย่างเช่น หลักทรัพย์ที่มีหลักประกันจำนองหรืออยู่ในรูปแบบของตราสารที่มีหนี้เป็นหลักประกัน ("Collateralized loan obligation" - CLO)

เพราะกลยุทธ์นี้เน้นที่เครดิตแทนที่จะเป็นอัตราดอกเบี้ย ทำให้กลยุทธ์นี้มักทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดเมื่อเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วและการกู้ยืมอยู่ในระดับสูงสุด ในการป้องกันความเสี่ยงจากการถดถอยทางเศรษฐกิจ ผู้จัดการกองทุนจำนวนมากใช้ credit structure arbitrage โดยการขายชอร์ตฟิวเจอร์สอัตราดอกเบี้ยและพันธบัตรรัฐบาล

4. Convertible Arbitrage

ในการทำ convertible arbitrage ผู้จัดการ hedge fund ตัดสินใจซื้อทั้งส่วนของหนี้สินของบริษัทที่สามารถแปลงสภาพได้ในรูปของหุ้นกู้และทำการขายชอร์ตส่วนความเป็นเจ้าของ (หุ้น) ของบริษัทดังกล่าวในเวลาเดียวกัน แนวคิดนี้คือการลงทุนทั้งสองทิศทางนี้จะสมดุลด้วยตัวของมันเองเมื่อตลาดผันผวน เป็นระบบที่นิยมใช้เมื่อตลาดมีความผันผวนซึ่งเสนอโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำอาบิทราจลักษณะนี้อาจมีความเสี่ยงเมื่อเกิดเหตุการณ์ภายนอก เช่น เกิดการทำคำเสนอซื้อ ซึ่งทำให้ความเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในมูลค่าของหุ้นที่ขายชอร์ต

5. Fixed Income Arbitrage

กลยุทธ์นี้คล้ายคลึงกับกองทุนที่ใช้กลยุทธ์ long and short equity ด้วยการแสวงหาผลประโยชน์จากส่วนต่างของมูลค่าระหว่างคู่ของตราสารหนี้ ซึ่งสามารถรวมถึงหุ้นกู้และพันธบัตรเทศบาลเช่นเดียวกับตราสารป้องกันการผิดนัดชำระ โดยที่หลักทรัพย์เหล่านี้สามารถซื้อในตลาดหนึ่งและขายทำกำไรในอีกตลาดหนึ่งเนื่องจากความแตกต่างของราคา การขายหลักทรัพย์เหล่านี้มักให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงนัก ทำให้มักใช้เลเวอเรจระดับสูง ซึ่งช่วยเพิ่มกำไรที่คาดว่าจะได้รับมากขึ้น แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน

6. Risk Arbitrage

ในบางครั้งก็เป็นที่รู้จักในชื่อ merger arbitrage ซึ่งเป็นชื่อที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่เด่นชัดของการทำอาบิทราจลักษณะนี้ การทำอาบิทราจนี้เกี่ยวข้องกับการเทรดหุ้นของสองบริษัทที่มีแผนจะซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการ กลยุทธ์นี้ได้ผลเพราะขณะที่ข่าวการควบรวมกิจการมักส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทดังกล่าวขึ้น การเทรดจะมีโอกาสทำในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่เสนอเนื่องจากไม่แน่ใจว่าข้อเสนอจะผ่านความเห็นชอบหรือไม่ ซึ่งกำไรได้มาจากความไม่แน่นอนตรงนี้ แต่ผู้จัดการกองทุนจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในภูมิทัศน์ความเห็นชอบของหน่วยงานที่มีอำนาจเพื่อการตัดสินใจลงทุนอย่างมั่นใจ

7. Emerging Markets

การลงทุนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของโลกเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยม ด้วยกลุ่มตลาดเหล่านี้มักมีความผันผวนกว่ากลุ่มตลาดที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเสนอโอกาสในการสร้างผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว กลุ่มตลาดเกิดใหม่เสนอโอกาสต่าง ๆ มากมายตั้งแต่พันธบัตรจนถึงหนี้สาธารณะและจากการเทรดสกุลเงินจนถึงตราสารทุนในบริษัทเอกชน ซึ่งเอเชียตะวันออกอันประกอบด้วย ญี่ปุ่น จีนและไต้หวันเป็นบริเวณที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากผู้จัดการ hedge fund ในตอนนี้

คุณทราบหรือไม่ว่า Admirals ช่วยให้คุณสามารถเทรดและลงทุนในหลากหลายดัชนี สกุลเงินและ ETF ของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมในบทความ ' MSCI Emerging Markets Index คืออะไร?: วิธีการลงทุนในตลาดเกิดใหม่'

สุดท้ายนี้ หากคุณพร้อมและอยากเริ่มต้นลงทุนด้วยกลยุทธ์แบบ Hedge Fund คุณควรจะแน่ใจก่อนว่า คุณเข้าใจวิธีการใช้งานแพลตฟอร์มการเทรดเป็นอย่างดีแล้วหรือไม่ ซึ่งเราแนะนำให้คุณ เปิดบัญชีเงินจำลองหรือ "Demo Account"

บัญชีดังกล่าวจะจำลองเงินมาให้คุณเทรด แต่จะเทรดในตลาดจริง สภาพแวดล้อมเหมือนจริงทุกประการ คำนวณกำไร-ขาดทุนให้ตามราคาตลาดจริงๆ เพียงแต่เป็นระบบเงินจำลองเท่านั้น บัญชี Demo จึงเป็นเหมือนห้องแล็บสำหรับการเทรด และถ้าพร้อมแล้ว คลิกเปิดบัญชีที่แบนเนอร์ด้านล่าง

ใช้งาน MetaTrader 5 และเปิดบัญชีทดลองฟรี!

  • เปิดบัญชี Demo ได้ฟรี และเปิดใหม่ได้เรื่อย ๆ หากบัญชีหมดอายุ
  • เทรดตลาด Commodity สำคัญ ๆ ได้ครบทุกตัว ทองคำ, น้ำมัน, แร่ธรรมชาติ ฯลฯ
  • ฝึกลงทุนแบบนักลงทุน VI ด้วยพันธบัตรและกองทุน ETF ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ARK, iShare, SPDR

การเปิดบัญชีกับ Admirals นั้นสะดวกรวดเร็วมาก ๆ คุณเพียงกรอกแค่ชื่อกับอีเมลเท่านั้น คุณก็จะได้รับอีเมลรหัสสำหรับการเข้าเทรด และลิงค์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมเทรด คลิกเปิดบัญชีที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ได้เลย

ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อการวิเคราะห์:

สื่อ, สารสนเทศที่ได้นำเสนอมีรายละเอียดที่เชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ การประเมินผลลัพธ์ การคาดการณ์และการพยากรณ์รายเดือนหรือรายสัปดาห์ รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะของข้อมูลในรูปแบบเดียวกัน (ต่อไปจะเรียกว่า "การวิเคราะห์") ซึ่งได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ Admirals SC Ltd. ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โปรดศึกษาและพิจารณาข้อควรระวังดังต่อไปนี้

  • นี่คือการสื่อสารทางการตลาด การวิเคราะห์ที่ถูกเผยแพร่ไปนั้น มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำทางด้านการลงทุน ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน (Independence of Investment Research) และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใด ๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน
  • การตัดสินใจลงทุนใดๆ ของลูกค้า เป็นการตัดสินใจแต่โดยลำพังของลูกค้าเอง ซึ่ง Admirals SC Ltd.จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นผลจาก "การวิเคราะห์" หรือไม่ก็ตาม
  • ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าของเราและความเที่ยงธรรมของการวิเคราะห์ Admirals SC Ltd ได้กำหนดกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
  • การวิเคราะห์จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ (นักวิเคราะห์) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้เขียน") เนื้อหาเป็นไปตามการประมาณการณ์ส่วนบุคคลของพวกเขา
  • ในขณะที่ใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้แน่ใจว่า แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดมีความน่าเชื่อถือและมีการนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในลักษณะที่เข้าใจได้ทันเวลา แม่นยำและครบถ้วนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Admirals SC Ltd ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของ ข้อมูลใด ๆ ที่อยู่ในการวิเคราะห์
  • ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาหรือแบบจำลองใด ๆ ในอดีตของเครื่องมือทางการเงินที่ระบุไว้ในเนื้อหา ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการรับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยโดย Admirals SC Ltd สำหรับผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในอนาคต มูลค่าของตราสารทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นและลดลง ไม่มีการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้น
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับความแตกต่าง; CFD) เป็นลักษณะของการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียหรือกำไร ก่อนที่คุณจะเริ่มการซื้อขายโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้
TOP ARTICLES
การเทรดคืออะไร? ทำเงินได้จริงไหม มือใหม่เทรดอะไรดี
การเทรดคืออะไร ? หากยังไม่เข้าใจก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายในการเริ่มต้น โดยเฉพาะในยุคที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ข้าวผัดกะเพราจานละ 60-70 บาท สถานการณ์ทางเศรษฐกิจแบบนี้ที่เงินเฟ้อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รายได้จากงานประจำไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และการมีรายได้มากกว่า 2 ช่องทางขึ้น...
คุณรู้จักและเข้าใจเทรดเดอร์และอาชีพเทรดเดอร์มากแค่ไหน ?
พอได้ยินคำว่า "เทรดเดอร์" หลายคนจะนึกถึงภาพของคนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โบกกระดาษไปมาและตะโกนเสียงดังใส่กันให้ดูวั่นวายไปหมด เทรดเดอร์เป็นอาชีพที่บางครั้ง หลายคนอาจเข้าใจผิด แม้ปัจจุบันจะมีการปรับเปลี่ยนการทำงานมากขึ้น นับตั้งแต่ที่โลกมีอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตของทุกคนบนโลกแล้วเทรดเดอร์คือใค...
บัญชี ECN คือ ? แล้วบัญชี STP คือ ? ควรเลือกบัญชีเทรดแบบไหนดี ?
บัญชี ECN คือ ? แล้ว บัญชี STP คือ ? หรือมีรายละเอียดที่แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน บอกได้เลยว่าการเลือกเปิดบัญชีเทรด Forex นั้น เทรดเดอร์มักได้ยินโบรกเกอร์แนะนำให้เปิดบัญชีหลักๆ อยู่ 2 บัญชีนี้ แต่คำถาม คือ บัญชี STP และบัญชี ECN คือ ? มีความแตกต่างกันอย่างไร และเราควรจะเลือกเปิดบัญชี STP หรือ บัญชี EC...
ดูทั้งหมด