10 บทเรียนจากกลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพที่จะช่วยคุณเทรดเป็น

Roberto Rivero
10 นาที

กลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพนั้นโดยปกติแล้วไม่มีใครจะมาเล่ากันให้ฟังตรงๆ เหตุผลหนึ่งคือเทรดเดอร์มืออาชีพมีอยู่ด้วยกันหลายประเภทแต่ละคนมีกลยุทธ์การเทรดมืออาชีพในแบบของตัวเอง

บทความนี้จะพูดถึงเทรดเดอร์อาชีพประเภทต่างๆ และดูว่าอะไรที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากเทรดเดอร์เหล่านี้เมื่อสร้างกลยุทธ์การซื้อขายด้วยตัวเอง

เทรดเดอร์มืออาชีพเป็นแบบไหน มีอะไรบ้าง ?

มีเทรดเดอร์หลายประเภทที่เชี่ยวชาญในกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ด้วยระยะเวลาที่แตกต่างกัน และการเทรดในประเภทสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ จะจัดกลุ่มเทรดเดอร์ทั้งหมดออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • เทรดเดอร์ประเภท Implementers - เทรดเดอร์ที่เทรดตามไอเดียและวิธีที่คนอื่นแนะนำ
  • เทรดเดอร์ประเภท Reactors - เทรดเดอร์ที่ตรวจสอบตราสารจำนวนหนึ่งและมีปฏิสัมพันธ์กับเหตุการณ์และเทรดเดอร์อื่น ๆ
  • เทรดเดอร์ประเภท Autonomous - เทรดเดอร์ที่เทรดด้วยวิธีคิดและกลยุทธ์ตัวเอง

ลองมาทำความรู้จักกับเทรดเดอร์แต่ละประเภทในรายละเอียดเพิ่มเติมกัน

1. เทรดเดอร์ประเภท Implementers

โดยมากจะเป็นบริษัทบริหารจัดการกองทุนขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ทำตัดสินใจเรื่องซื้อขายโดยเทรดเดอร์โดยตรง แต่สามารถทำได้โดยผู้จัดการกองทุนเป็นกลุ่ม จะหนึ่งกลุ่มหรือมากกว่านั้นก็ได้ ซึ่งผู้จัดการกองทุนยังตัดสินใจอีกว่าการลงทุนแต่ละครั้งจะมากหรือน้อยแค่ไหน

จากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของเทรดเดอร์มืออาชีพในการดําเนินการสั่งซื้อหรือขายในช่วงเวลาที่เหมาะสม (โดยมากจะก่อนสิ้นสุดในแต่ละวัน) ในราคาที่ดีที่สุด

การดําเนินการตามคําสั่งของคนอื่นอาจดูเหมือนไม่ได้ใช้ทักษะมาก แต่หากมีเงินที่มากพอก็สามารถจ้างเทรดเดอร์ที่มีทักษะให้สามารถดําเนินกลยุทธ์การเทรดมือแบบอาชีพได้เช่นกัน ลองดูตัวอย่างสมมุติฐานต่อไปนี้

Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett เป็นเจ้าของ 9.32% ของบริษัท Coca-Cola และบริษัทเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมมีมูลค่าตลาด 228 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทําให้ตําแหน่งของ Buffett มีมูลค่ามากกว่า 21พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากการโคคา-โคล่า ตัดสินใจขายเพียงเศษหุ้นก็ส่งผลให้คําสั่งซื้อมีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์

ภาพจาก: Admirals MetaTrader 5 - กราฟราคารายวันของ Coca-Cola ช่วงวันที่: 27 พฤษภาคม 2016 - 2 มีนาคม 2021 วันที่เก็บข้อมูล: วันที่ 3 มีนาคม 2021 หมายเหตุ:ประสิทธิภาพของการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่ใช่ตัวบ่งชี้ของผลลัพธ์ในอนาคต

 

การดําเนินการสั่งซื้อในปริมาณที่มาก มีแนวโน้มที่ทำให้ราคาตลาดเปลี่ยนแปลง โดยจะกดราคาลงผ่านอุปทานที่เพิ่มขึ้นของหุ้นในตลาด ในขณะที่กําลังพยายามขายหุ้นออกก็จะเป็นการลดมูลค่าการค้าและผลกําไรลง ทำให้เคลื่อนไหวของตลาดจะแย่ลงมาก

ดังนั้น ภารกิจของเทรดเดอร์คือการดําเนินการสั่งซื้อโดยเร็วที่สุด โดยให้เกิดการรบกวนราคาให้น้อยที่สุดก่อนที่ใครจะรู้ว่ากําลังทําอะไรอยู่

สมมติว่า ต้องการเทรดหุ้น Coca-Cola ด้วยมูลค่า 210 ล้านดอลลาร์ (คือ <1% ของการถือครองของ Buffett) แล้วก็จะเห็นว่า ในทุกๆ 1% ที่ราคาเคลื่อนไหวจะทำให้ทุน $2.1 ล้าน ดังนั้น น่าจะดีกว่าหากจ่ายเงินจ้างใครซักคนที่สามารถดูแลและดําเนินการกลยุทธ์เทรดแบบมืออาชีพให้ได้

2. เทรดเดอร์ประเภท Reactors

เทรดเดอร์กลุ่มที่ 2 นี้จํากัดตัวเองเฉพาะเป็นคนดูตราสารจํานวนหนึ่ง เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ตราสารต่างๆ ที่เทรดเดอร์กลุ่มนี้คอยจับตาจะมีอยู่แค่ 8 - 12 ตราสารเท่านั้น แต่ด้วยระบบการเทรดที่ดีขึ้นในปัจจุบัน จำนวนของตราสารในกลุ่มนี้ก็เพิ่มขึ้นราว 30 - 40 ตราสารได้ และเทรดเดอร์กลุ่มนี้ช่วยดูเรื่องของหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและแก๊สเป็นหลักหรือบริษัทที่จัดส่งน้ำมันและแก๊สให้กลุ่มดังกล่าว

เทรดเดอร์ในกลุ่มนี้จะช่วยบริหารจัดการตราสารจำนวนหนึ่งหรือในจำนวนจำกัดด้วย 2 เหตุผล ได้แก่ 

  •  เทรดเดอร์ประเภทนี้เป็น Market Makers หรือคนที่เข้าไปช่วยให้ตลาดมีสภาพคล่องมากขึ้น เทรดเดอร์ประเภทนี้มุ่งมั่นที่จะเสนอราคาที่ใครๆ ก็สามารถซื้อและขายได้ ด้วยวิธีนี้ทำให้เทรดเดอร์ในตลาดคนอื่นๆ รู้สึกมั่นใจได้ว่า ตลาดจะมีสภาพคล่องเมื่อใดก็ตามที่ต้องการ
    โดย
    ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนขนาดใหญ่ เทรดเดอร์ประเภทนี้จะได้รับค่าธรรมเนียมหรือสิทธิพิเศษจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนนี้ นอกจากนี้เทรดเดอร์กลุ่มนี้ยังทํากําไรจากการสเปรด ความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย

    และเนื่องจาก Market Maker มักจะเป็นที่รู้จักของคนในตลาด พวกเขาจึงจําเป็นต้องอยู่เหนือตลาดตลอดเสมอ โดยคอยเฝ้าดูคำสั่งซื้อที่เข้ามาในหุ้นของตัวเองและจําเป็นต้องตื่นตัวกับข่าวใดๆ ที่มีแนวโน้มที่มีผลต่อตลาด ก่อนที่จะรับมือกับภาวะตลาดของตัวเองอย่างเหมาะสม

    เหตุผลที่ 2 ว่าทําไมเทรดเดอร์มืออาชีพบางคนจํากัดตัวเองเพื่อดูจํานวนตราสารที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งจะแค่คอยสังเกตและตอบสนองต่อโอกาสในการซื้อขาย กล่าวคือ เมื่อโอกาสในการเทรดเข้ามาจึงจะลุกขึ้นมาเทรดอย่างจริงจัง เทรดเดอร์เหล่านี้จะพยายามอ่านข่าวและติดตามเหตุการณ์ที่มีผลต่อการเทรดและกิจกรรมการเทรดที่ผิดปกติ

    และเทรดเดอร์ประเภทนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ เทรดเดอร์ที่ยกตัวอย่างซื้อหุ้น Coca-Cola ที่กล่าวมาแล้วก่อนหน้า และเมื่อได้โอกาสดีๆ เทรดเดอร์เหล่านี้ก็จะถือโพซิชั่น เช่น การชอร์ตหุ้น Coca-Cola เป็นต้น เพื่อเข้าทํากําไรอย่างรวดเร็วและมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ

เทรด CFD กับ Admirals 

คุณสามารถซื้อขายสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ด้วยบัญชี Trade.MT5 จาก Admirals ด้วยหุ้นมากกว่า 4,000 รายการและกองทุนแลกเปลี่ยน (ETF) กว่า 300 กองทุน จากตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก! 

ด้วย CFD เทรดเดอร์สามารถลองทํากําไรจากทั้งตลาดกระทิงและหมีและยังได้รับประโยชน์จากการใช้เลเวอเรจอีกด้วย! คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อเปิดบัญชีของคุณวันนี้!

ETF CFDs

ซื้อขาย CFDs ในกองทุน ETFs ยอดฮิต!

3. เทรดเดอร์ประเภท Autonomous

ในหนังสือ 'The Greatest Trade Ever' ของเขา Gregory Zuckerman อธิบายว่า ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ John Paulson ทําเงินได้ประมาณ 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อมูลเชิงลึกหนึ่ง นี่อาจเป็นคําอธิบายที่ที่ดีที่สุดว่า กลยุทธ์การเทรดระดับมืออาชีพในส่วนนี้ได้รับการพัฒนาและมีที่มาที่ไปอย่างไร

มีเรื่องเล่าจากมุมมองของนักวิเคราะห์ที่ทํางานให้กับพอลสันในปี 2005 ซึ่งมีข้อมูลเชิงลึกว่า ราคาบ้านในสหรัฐฯถึงเวลาที่จะต้องปรับแก้และธนาคารหลายแห่งได้ให้สินเชื่อจํานองที่น่าสงสัยแก่ผู้กู้ที่มีปัญหาในการจ่ายชำระหนี้

หลังจากที่นักวิเคราะห์คนดังกล่าวนำข้อมูลนี้ไปให้กับ John Paulson จึงมีการตั้งทีมเล็กๆ ขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวเพิ่มเติม ทีมดังกล่าวดูประวัติราคาบ้านในสหรัฐฯ ว่ามีรัฐหรือภูมิภาคใดที่อาจมีมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่สูงเกินไป ซึ่งธนาคารเข้าถึงมากที่สุด และตราสารใดที่อาจทํากําไรได้มากที่สุดหากธนาคารเหล่านั้นต้องเจอวิกฤต กลุ่มดังกล่าวยังดูความสัมพันธ์ในอดีตของราคาบ้านและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และประเมินว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ GDP บ้าง

หลังจากการพิจารณาและวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว ทีมเลยตัดสินใจที่จะดําเนินการตามแผนคือชอร์ตหุ้นธนาคารและพันธบัตรและอนุพันธ์ตามการจํานองที่มีความเสี่ยง 

เมื่อราคาบ้านในสหรัฐฯ ลดลง 30% ในปี 2007 ทีมก็สามารถทํากําไรได้

ประเด็นของเรื่องนี้คือกลยุทธ์การเทรดระดับมืออาชีพไม่ได้เป็นเพียงใช้วิธีการเดาหรือใช้ลางสังหรณ์ เป็นเรื่องของการวิจัยอย่างดี มีการพูดคุยและวิเคราะห์จากหลายมุมมอง ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับราคาบ้าน สภาพเศรษฐกิจ ข้อมูลการให้สินเชื่อ นโยบายการให้สินเชื่อของธนาคาร เป็นต้น

กลยุทธ์การซื้อขายแบบมืออาชีพยังมีการถกเถียงกันอย่างร้อนแรง เทรดเดอร์ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับแนวคิดและอยากได้ความเห็นจากคนที่เห็นต่าง เพื่อไม่ให้พลาดในเรื่องที่อาจมองข้ามได้

โดยการวิจัยจะนําไปสู่ข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลเชิงลึกจะนําไปสู่สมมติฐานได้ ซึ่งในกรณีนี้ ข้อมูลที่ว่าคือ ราคาบ้านจะลดลงนี่เอง จากนั้น เทรดเดอร์มืออาชีพจะถามตัวเองอีกว่า "ถ้าสมมติฐานของตนถูกต้องแล้ว จะทําอย่างไรกับส่วนที่เหลือทั้งหมด จะมีตราสารอะไรที่สามารถทำกำไรได้อีก หรือราคาร่วงลง เทรดเดอร์ก็เป็นเหมือนผู้เล่นหมากรุกที่พยายามมองให้เห็นปัจจัยต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือไม่

เราสามารถเรียนรู้อะไรจากกลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพบ้าง ?

ลองจินตนาการดูได้เลย เทรดเดอร์แต่ละประเภทข้างต้นมีวิธีคิดและวิธีทำงานที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม มีบทเรียนที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากกลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพของเทรดเดอร์เหล่านี้เพื่อช่วยให้เราสามารถเทรดเป็นเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทสรุปของเรามีดังนี้:

1. กลยุทธ์การเทรดที่เทรดเดอร์ให้ความสำคัญ

การให้ความสัมคัญหรือโฟกัสของเทรดเดอร์ทั้ง 3 ประเภท คือเทรดเดอร์จะเลือกเทรดในกรอบเวลาที่แตกต่างกันและเลือกเทรดให้น้อยเพื่อทำกำไรให้มาก โดยจากตัวอย่างการเทรดหุ้น Coca-Cola เทรดเดอร์หลายคนพยายามที่จะเทรดและในขณะเดียวกันก็พยายามจับตาดูตลาด Forex หรือพยายามที่จะทำกำไรโดยเร็วที่สุด แต่เทรดเดอร์มืออาชีพอาจใช้เวลา 2 วันทั้งการทำการสั่งซื้อหรือลงทุนก้อนโตและอื่นๆ อีก โดยแบ่งออกเป็นการซื้อขายยิบย่อยก็มี และมีโอกาสน้อยที่จะสร้างผลกระทบต่อตลาดและเทรดเดอร์อื่นแทบไม่ทันสังเกต

2. เรียนรู้ความเคลื่อนไหวของตลาด

เพราะเทรดเดอร์มืออาชีพมักเป็นคนที่มุ่งมั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทรดเดอร์ประเภท Reactors ที่ชอบเรียนรู้ความเคลื่อนไหวของตลาดที่ตนลังเทรด ช่วงเวลาที่ตลาดคึกคักหรือเวลาใดที่เงียบเหงา คําสั่งซื้อขายใดที่ทำบ่อยๆ หรือปริมาณการเทรดทั้งหมดในแต่ละวันปกติเป็นเท่าไร เป็นต้น

หากต้องการเทรดโพซิชั่นของหุ้น Coca-Cola โดยไม่ทำให้ราคาเสีย ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะซื้อขายในช่วงที่ตลาดคึกคัก ในทางกลับกัน หากต้องการหาประโยชน์สูงสุดจากตลาดละก็ ช่วงเวลาที่ตลาดขาดสภาพคล่องอาจจะดีที่สุดในการสร้างแรงกระเพื่อม แต่เทรดเดอร์จะต้องทราบช่วงเวลานั้นคือช่วงใด สําหรับเทรดเดอร์ประเภท Reactor เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถสังเกตเห็นอะไรเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ปกติบ้าง หากไม่เข้าใจคำว่า "ธรรมดา" มีลักษณะอย่างไร

3. จัดการอารมณ์ในฐานะเทรดเดอร์

เทรดเดอร์ทุกคนมีทั้งวันดีและวันไม่ดี เทรดเดอร์มืออาชีพรู้เรื่องนี้ดีและยังรู้ถึงสิ่งที่แย่ที่สุดที่สามารถทําได้อีกด้วย เช่น เวลาที่ต้องสูญทุนและกำไรก็มีวันที่อารมณ์เสียหรือท้อแท้ทั้งวันได้เช่นกัน เทรดเดอร์เหล่านี้จะรู้ว่า การหลงลืมกับความเป็นจริงและความกระตือรือร้นไฝ่ฝันถึงวันดีอาจเป็นผลเสียได้เหมือนกัน

เทรดเดอร์จะมีทั้งวันที่เทรดแล้วกำไรหรือขาดทุนได้เช่นกัน ให้จัดการกับความคิดเหล่านี้ของตัวเองให้ได้เสียก่อน ก่อนเริ่มลงมือเทรด อย่าปล่อยให้ความรู้สึกของตัวเองทำให้รู้สึกแย่และทำให้เราหลงลืมความเป็นจริงไป

4. รู้ว่าเมื่อไรที่ควรอดทน

จากตัวอย่างการเทรดหุ้น Coca-Cola ของเรา เทรดเดอร์อาจใช้เวลาหลายวันในการดําเนินการสั่งซื้อ หลายคนอาจมีสัญชาตญาณว่าจะต้องทำอะไรให้เร็วเข้าไว้ แต่ก็ต้องระวังเรื่องการตัดสินใจต่างๆ ด้วย

5. วางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

สําหรับเหตุการณ์ที่กําหนดไว้ล่วงหน้า เช่น ผลประกอบการของบริษัท หรือการประกาศ GDP ก็ตาม เทรดเดอร์มืออาชีพจะคิดทบทวนผ่านปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นกับสถานการณ์ต่างๆ และจะมีแผน A แผน B แผน C ฯลฯ ไว้ล่วงหน้าและรับมือ เทรดเดอร์อาจสร้างคําสั่งซื้อโหลดไว้ล่วงหน้าในระบบเทรดเพื่อให้สามารถรับมือกับสภาพตลาดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเมื่อถึงเวลาและสามารถทำกำไรจากตลาดได้

6. วิเคราะห์การซื้อขายจากมุมที่แตกต่างกัน

เทรดเดอร์มืออาชีพพิจารณาปัจจัยระดับมหภาคและจุลภาคพร้อมกัน เทรดเดอร์จะดูที่เศรษฐกิจ บริษัท หรือภาคส่วนต่างๆ โดยดูในเรื่องปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค และจะดูขั้นตอนการสั่งซื้อในตราสารจำเพาะ กราฟราคาและกระแสข่าว เป็นต้น ทั้งนี้ ยิ่งปัจจัยเหล่านี้ดูดีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นมากขึ้น

7. ลองคิดให้ได้ 3-4 ขั้นตอนล่วงหน้า

ดังที่เราเห็นในตัวอย่างเทรดเดอร์มืออาชีพจะคิดไปก่อนล่วงหน้า 3-4 ก้าว หากวันนี้ มีรายงานในหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับบริษัท X ว่ามีผลประกอบการดี เทรดเดอร์เหล่านี้จะไม่เพียงแต่รีบซื้อส่วนแบ่งเท่านั้น พวกเขายังจะหยุดและคิดถึงผลกระทบลำดับที่ 2 หรือ 3 จากผลกระทบของข่าวชิ้นนี้ด้วย

8. การบริหารจัดการความเสี่ยง

เทรดเดอร์มืออาชีพทุกคนใช้กฎการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบและไตร่ตรองอย่างดี

9. เทรดแบบมืออาชีพต้องมองหาโอกาสเพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็น

เทรดเดอร์มืออาชีพต้องรู้จักการป้องกันความเสี่ยงจากการเทรด สมมติว่า ทำการวิเคราะห์และได้ข้อสรุปว่าหุ้น Royal Dutch Shell ไม่ได้มีมูลค่าต่ำเกินไป ซึ่งทางบริษัทก็เพิ่งแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ เปิดเผยกลยุทธ์ใหม่และคุณคิดว่าต้องใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่ตลาดอื่นๆ จะเห็นสิ่งที่คุณกำลังเห็น 

หากคิดจะเทรดหุ้น Shell เทรดเดอร์อาจเปิดรับความเสี่ยงหลายประการนอกเหนือจากผลการดำเนินงานของ Shell และการประเมินมูลค่าหุ้นที่ต่ำเกินไป แต่สมมติว่า นอกจากจะเทรดหุ้น Shell แล้ว เราจะตัดสินใจชอร์ต BP อีก กลยุทธ์แบบนี้ก็ช่วยป้องกันตัวเองจากความเคลื่อนไหวหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดในตลาดหุ้นทั้งหมดหรือในราคาน้ำมัน

เมื่อขจัดความเสี่ยงด้วยวิธีนี้ ก็สามารถเปิดโพซิชันที่ใหญ่ขึ้นในหุ้น Shell ได้

10. อย่าหยุดเรียนรู้

สุดท้าย เทรดเดอร์มืออาชีพไม่เคยหยุดเรียนรู้ พวกเขาพยายามเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ดีและไม่ดีอยู่เสมอ จากการพูดคุยกับเทรดเดอร์รายอื่นและจากการอ่านให้มากๆ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจึงสามารถอยู่ในโพซิชั่นที่ดีเยี่ยมในการปรับแต่งและปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพมากขึ้น

ข้อคิดส่งท้ายสำหรับกลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพ

จากตัวอย่างข้างต้น มีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายจากกลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพ แม้ว่างานของเทรดเดอร์มืออาชีพจะดูแตกต่างกันมาก แต่ก็คุ้มค่าที่จะสละเวลาเรียนรู้และนำความรู้เหล่านั้นไปใช้กับกลยุทธ์การเทรดของคุณเอง

ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพหรือมือใหม่ ก็ไม่ควรหยุดฝึกฝนกลยุทธ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะในบัญชีทดลองเทรดก่อนที่จะเทรดในตลาดด้วยบัญชีจริง และแน่นอน คุณสามารถเปิดบัญชีทดลองกับ Admirals เพื่อลองเทรดในสภาวะตลาดจริงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

คำถามที่พบบ่อย:
การเทรดแบบมืออาชีพและกลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพ

 

กลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพมีอะไรบ้าง ?

เทรดเดอร์มืออาชีพจะใช้การผสมผสานระหว่างกลยุทธ์ตามเทรนด์ การกลับค่าเฉลี่ยและโมเมนตัมเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากตลาดต่างๆ ที่กำลังซื้อขาย หากสภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยต่อกลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่งก็จะเลือกใช้กลยุทธ์ที่อื่นๆ แทน จึงไม่มีการใช้กลยุทธ์ใดๆ ในแบบที่ตายตัว

 

เทรดเดอร์มืออาชีพเทรด Forex อย่างไร?

เทรดเดอร์ Forex มืออาชีพอาจมีชีวิตอย่างมั่งคั่ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการตรวจสอบและเฝ้าดูตลาดหลายชั่วโมง การอดนอนเป็นเรื่องปกติสำหรับบุคคลเหล่านี้ จนกว่าจะสามารถกลยุทธ์การเทรด และการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพที่ไม่ต้องเฝ้าดูตลาดอยู่ตลอดเวลา

 

กลยุทธ์การเทรด Forex แบบมืออาชีพต้องทำอย่างไร ?

ขั้นตอนแรกในการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพและสร้างกลยุทธ์การเทรดแบบมืออาชีพนั้นคือการทำความเข้าใจในตลาดการเงินที่สนใจ เพราะคุณจำเป็นต้องรู้ว่าตลาดนั้นๆ เป็นอย่างไร หรือมีปัจจัยอะไรที่มีอิทธิพลต่อราคา เพื่อสร้างกลยุทธ์การเทรดและวางแผนการเทรดอย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากประสบกการณ์จริง

 

เกี่ยวกับ Admirals

Admirals โบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ชนะรางวัลมากมาย อีกทั้งได้รับ ใบอนุญาตและกำกับดูแลจากหลายประเทศทั่วโลก โดยให้บริการซื้อขายตราสารการเงินมากกว่า 8,000 รายการผ่านแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง MT4 และ MT5 เริ่มเทรดเลยวันนี้

Disclaimer: เอกสารนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำการลงทุน, การให้คำปรึกษาด้านการลงทุน, ข้อเสนอหรือคำชักชวนให้ทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน โปรดทราบว่า ในกรณีของการวิเคราะห์การซื้อขายใด ๆ ที่อ้างอิงถึงผลการดำเนินงานหรือสถิติในอดีต พฤติกรรมของข้อมูลดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใดๆ คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

TOP ARTICLES
การเทรดคืออะไร? ทำเงินได้จริงไหม มือใหม่เทรดอะไรดี
การเทรดคืออะไร ? หากยังไม่เข้าใจก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายในการเริ่มต้น โดยเฉพาะในยุคที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ข้าวผัดกะเพราจานละ 60-70 บาท สถานการณ์ทางเศรษฐกิจแบบนี้ที่เงินเฟ้อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รายได้จากงานประจำไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และการมีรายได้มากกว่า 2 ช่องทางขึ้น...
คุณรู้จักและเข้าใจเทรดเดอร์และอาชีพเทรดเดอร์มากแค่ไหน ?
พอได้ยินคำว่า "เทรดเดอร์" หลายคนจะนึกถึงภาพของคนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โบกกระดาษไปมาและตะโกนเสียงดังใส่กันให้ดูวั่นวายไปหมด เทรดเดอร์เป็นอาชีพที่บางครั้ง หลายคนอาจเข้าใจผิด แม้ปัจจุบันจะมีการปรับเปลี่ยนการทำงานมากขึ้น นับตั้งแต่ที่โลกมีอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตของทุกคนบนโลกแล้วเทรดเดอร์คือใค...
บัญชี ECN คือ ? แล้วบัญชี STP คือ ? ควรเลือกบัญชีเทรดแบบไหนดี ?
บัญชี ECN คือ ? แล้ว บัญชี STP คือ ? หรือมีรายละเอียดที่แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน บอกได้เลยว่าการเลือกเปิดบัญชีเทรด Forex นั้น เทรดเดอร์มักได้ยินโบรกเกอร์แนะนำให้เปิดบัญชีหลักๆ อยู่ 2 บัญชีนี้ แต่คำถาม คือ บัญชี STP และบัญชี ECN คือ ? มีความแตกต่างกันอย่างไร และเราควรจะเลือกเปิดบัญชี STP หรือ บัญชี EC...
ดูทั้งหมด