เทรดน้ำมัน และกลยุทธ์การเทรดน้ำเป็นอย่างไรและมีอะไรบ้าง

เทรดน้ำมันและในการเทรดน้ำมันนั้นไม่ได้แตกต่างจากการเทรดคู่สกุลเงิน และการเทรดน้ำมันในโลกของ Forex นั้นเป็นการคาดการณ์และซื้อขายตัวมูลค่าของน้ำมันในอนาคต และน้ำมันที่นิยมเทรดกันคือ น้ำมันดิบ (Crude Oil) ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายสูง และเมื่อการซื้อขายน้ำมันดิบเกิดขึ้นทั่วโลก จึงเกิดเศรษฐกิจมหภาคขึ้น

และในบทความนี้ก็จะชวนนักลงทุนมารู้จักกับการเทรดน้ำมัน การสอนเทรดน้ำมัน และการวิเคราะห์น้ำมัน ให้เข้าใจเรื่องพื้นฐานเทรดน้ำมันกันมากขึ้น

คุณรู้จักและเข้าใจในการเทรดน้ำมันมากแค่ไหน ?

ในบทความนี้ เราจะพูดถึงการเทรดน้ำมันบนโลกของฟอเร็กซ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ในอนาคต และหากเราสามารถคำนวณทิศทางและมูลค่าของน้ำมันในอนาคตได้อย่างแม่นยำ เราก็สามารถทำกำไรจากออเดอร์ที่เปิด ซึ่งวิธีการเทรดก็จะผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือ CFD นั่นเอง 

แต่ก่อนจะเข้าไปยังเรื่องของวิธีการเทรดน้ำมัน กลยุทธ์การเทรดน้ำมัน หรือปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเทรดน้ำมัน ลองมาทำความเข้าใจก่อนว่า น้ำมันดิบ คืออะไร เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเทรดน้ำมันมาก

เทรดน้ำมัน: น้ำมันดิบ คืออะไร

น้ำมันดิบ คือ เชื้อเพลิงฟอสซิลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและเป็นแหล่งพลังงานหลักในโลก สามารถกลั่นเพื่อนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจํานวนมาก ซึ่งนำใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขนส่งความร้อนไฟฟ้าและอื่น ๆ

เมื่อพูดถึงน้ำมันดิบ เราก็มักจะพูดถึงน้ำมันดิบอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent Oil) และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียท (WTI) หรือที่เราเรียกกันย่อๆ ว่า น้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI Crude)

เทรดน้ำมัน: น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) และน้ำมันดิบ WTI ต่างกันอย่างไร

แม้ว่าจะมีการเทรดน้ำมันดิบกันหลายประเภท แต่ทั้งน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบ WTI เป็นกลุ่มที่มีการเทรดกันมากที่สุด และใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานสําหรับอุตสาหกรรมน้ำมันในระดับสากล

• น้ำมันดิบเบรนท์ คือ น้ำมันดิบจากทะเลเหนือและใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานสําหรับน้ำมันส่วนใหญ่ที่ผลิตในยุโรป แอฟริกา และบางประเทศแถบตะวันออกกลาง
• น้ำมันดิบ WTI คือ น้ำมันดิบที่ผลิตในเขตเท็กซัสตะวันตกและรัฐอื่นๆ ในสหรัฐฯ ซึ่งมักใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานสําหรับการผลิตน้ำมันในอเมริกาเหนือ

เทรดน้ำมันยังไง ?

นอกจากการซื้อน้ำมันดิบจริงๆ แล้ว ยังมีอีกหลายวิธีในการทํากําไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบได้อีก เช่น

• หุ้น
• สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD)
• กองทุนที่ซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF)
• ฟิวเจอร์ส
• ออปชั่น
• การเดิมพันสเปรด (Spread Betting)

หากคุณต้องการเทรดหุ้นน้ำมันและ ETF หรือเทรดน้ำมันโดยใช้ CFD ซึ่งเป็นอนุพันธ์ทางการเงินที่ให้เทรดเดอร์ทำกำไรได้ทั้งช่วงขาขึ้นหรือขาลง รวมทั้งยังสามารถใช่เลเวอเรจในการเทรด ทั้งนี้ คุณสามารถลองใช้กลยุทธ์การเทรดน้ำมันโดยใช้ CFD ในการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบ WTI โดยคลิกแบนเนอร์ด้านล่าง และเปิดบัญชีทดลองเทรดได้แล้ววันนี้ 

กลยุทธ์การเทรดน้ำมัน เป็นอย่างไร และมีอะไรบ้าง

กลยุทธ์การเทรดน้ำมันมักขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ประเภทใดประเภทหนึ่งดังต่อไปนี้ หรือเทรดเดอร์ก็อาจจะใช้วิธีการทั้ง 2 แบบรวมกันก็ได้ ดังนี้

• การวิเคราะห์ทางเทคนิค
• การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

เมื่อมีสินทรัพย์ทางการเงินจํานวนมาก เทรดเดอร์มักใช้การวิเคราะห์ทั้ง 2 ประเภทได้อย่างอิสระ เช่น หลายคนที่เข้ามาเทรดในตลาดฟอเร็กซ์มักพึ่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคของแผนภูมิราคาของคู่สกุลเงินที่เลือกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การเน้น 'ทางเทคนิคอย่างเดียว' อาจไม่เหมาะและไม่แนะนําสําหรับสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ เช่น น้ำมันดิบ ทั้งนี้ การเทรดน้ำมันดิบจะความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ทางการเมืองโลกเป็นอย่างมาก และการเทรดน้ำมันให้ประสบความสําเร็จจะต้องรวมถึงการวิเคราะห์พื้นฐานบางรูปแบบด้วย

ดังนั้น จึงสำคัญมากที่จะต้องทราบถึงการประเมินปัจจัยพื้นฐานต่างๆ สำหรับใครที่ต้องการเทรดน้ำมัน เพื่อให้เห็นว่า การประเมินดังกล่าวสำคัญอย่างไร เราลองมาดูกันว่า อะไรจะส่งผลต่อราคาน้ำมันกันบ้าง

เทรดน้ำมัน: ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์และอุปทานทั่วโลก เช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ แต่จะแตกต่างจากสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ก็ตรงที่ เหตุการณ์ทั่วโลกจะส่งผลต่อปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานทั่วโลกด้วยเช่นกัน และทําให้ราคาน้ำมันเกิดความผันผวนในที่สุด 

ซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนราคาน้ำมัน มีดังนี้ฃ

1. สภาพเศรษฐกิจมีผลต่อการเทรดน้ำมัน

สภาพโดยรวมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะกําหนดระดับความต้องการของน้ำมัน โดยทำให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น และความต้องการน้ำมันลดลงในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยหรือเกิดความไม่แน่นอน ดังนั้น เราจึงสามารถสรุปได้ว่า หลายปัจจัยมีความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างราคาน้ำมันและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ซึ่งหลังระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาไปทั่วโลก ความต้องการน้ำมันจึงลดลง เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดใหญ่ครั้งนี้ ทำให้ตลาดมีปริมาณน้ำมันดิบมากเกินความต้องการ และบริษัทน้ำมันดังๆ ทั่วโลกไม่มีพื้นที่เพียงพอในการจัดเก็บน้ำมัน ทําให้ราคาน้ำมันดิ่งลง 

กราฟด้านล่างแสดงการลดลงอย่างรวดเร็วของน้ำมันดิบดับบลิวทีไอในช่วงเวลาปัจจุบัน สัญญาในอนาคตของน้ำมันดิบ WTI ซึ่งได้สิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2020 ชี้ว่า มีการเทรดกันต่ำกว่า 0 เป็นครั้งแรก ซึ่งหมายความว่า นักลงทุนพากันเทขายสัญญาน้ำมันทอดตลาดหรือเปลี่ยนมือเทรดเดอร์นั่นเอง

2. ความขัดแย้งทั่วโลกส่งผลต่อการเทรดน้ำมั้น

ความขัดแย้งทั่วโลกหรือแม้แต่ความหวาดวิตกว่าจะเกิดความขัดแย้งทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่าง 2 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาจทําให้เกิดความกังวลต่ออุปทานในอนาคต และเป็นผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นตามมา

โดยเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2020 ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นตามกราฟด้านล่าง เมื่อมีข่าวของนายพล Qasem Soleimani ผู้บัญชาการกองกำลังรบพิเศษคุดส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังปฏิวัติแห่งอิหร่าน ถูกสังหารโดยการโจมตีด้วยโดรนของสหรัฐฯ ซึ่งทําให้เกิดความกลัวว่า จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง

3. ปริมาณน้ำมันที่มีไม่เพียงพอส่งผลกระทบต่อการเทรดน้ำมัน

การลดลงของปริมาณน้ำมันอันเนื่องมาจากอุปกรณ์หรือเครื่องจักรพังหรือถูกทําลายจะส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเช่นกัน

เมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2019 การโจมตีด้วยโดรนได้ทําลายโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งทำให้โรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวต้องตัดสินใจปิดการผลิตน้ำมันทั้งหมดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดการลดกําลังการผลิตน้ำมันทั่วโลกลง 5.7 ล้านบาร์เรล หรือ 5% ต่อวัน

กราฟด้านล่างแสดงถึงช่วงเวลา หลังจากปิดการซื้อขายที่ 60.43 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ น้ำมันดิบเบรนท์เปิดการซื้อขายที่ $69.97 ในเช้าวันจันทร์ถัดมา

4. ความเคลื่อนไหวขององค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) มีผลต่อการเทรดน้ำมัน

บางครั้ง กลุ่มองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือเราเรียกกันสั้น ๆ ว่า กลุ่มประเทศ OPEC และพันธมิตรก็ต้องมานั่งกำหนดปริมาณการผลิตกันเเองว่าจะผลิตเพิ่มหรือจะลดการผลิต เพื่อปรับอุปทานน้ำมันและราคาทั่วโลก เช่น ในเดือนเมษายน 2019 กลุ่มสมาชิกเห็นชอบที่จะลดกำลังการผลิตลง 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน และต่อมาได้ขยายเวลาการลดกำลังการผลิตนี้ไปจนถึงเดือนกรกฎาคมเช่นกัน

การลดลงของปริมาณน้ำมันช่วยให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2002 ดังตัวอย่างกราฟที่เห็นด้านล่าง

5. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีผลต่อการแทรดน้ำมัน

หากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเลวร้ายลงถึงระดับที่มีการคว่ำบาตรในกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันก็จะส่งผลเสียต่อความต้องการน้ำมันของประเทศนั้น ๆ ด้วย สถานการณ์แบบนี้จะทำให้ความต้องการน้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะทําให้ประเทศที่ถูกคว่ำบาตรมีการผลิตน้ำมันลดลง

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2018 สหรัฐฯ ประกาศว่า ผู้ซื้อน้ำมันดิบอิหร่านจะต้องหยุดซื้อน้ำมันภายในวันที่ 2 พฤษภาคม 2018 มิฉะนั้น จะต้องเผชิญกับการคว่ำบาตร ข่าวนี้ทําให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความหวาดกลัวว่าการคว่ำบาตรซึ่งคล้ายกันกับการคว่ำบาตรน้ำมันเวเนซุเอลาจะเกิดขึ้นซ้ำรอย จนทําให้น้ำมันดิบหนักจำเพาะบางประเภทที่ประเทศเหล่านี้ผลิตขึ้นเกิดขาดแคลนขึ้นมาทันที

6. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีผลต่อการเทรดน้ำมัน

Crude oil หรือ น้ำมันดิบ ก็เหมือนกับกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ มีราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่ามากเป็นพิเศษ ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งสูงขึ้นหากซื้อน้ำมันดิบด้วยสกุลเงินอื่น ซึ่งทำให้ความต้องการน้ำมันระหว่างประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย จนทำให้ราคา Crude oil หรือน้ำมันดิบลดลงตาม

ตัวอย่างที่เป็นได้ชัด ได้แก่ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีบทบาทสําคัญต่อการล่มสลายของราคาน้ำมันในปี 2014

หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก (Great Recession) ในปี 2008 ธนาคารกลางสหรัฐฯ กําหนดมาตรการซึ่งรวมถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ย 0 % และการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินนี้ทําให้มูลค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง ซึ่งช่วยให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวหลังจากลดลงอย่างมากในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี 2008

ในปี 2013 ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มบริหารจัดการค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น โดยในปี 2014 ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ราคาน้ำมันดิบเริ่มลดลง อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีส่วนทําให้ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างรวดเร็วซึ่งมีความสำคัญมากในการช่วยควบคุมราคา 

ส่วนปัจจัยอื่นๆ รวมถึง การอิ่มตัวของตลาด การอิ่มตัวของตลาดอันเกิดจากความต้องการน้ำมันที่ลดลงจากประเทศต่างๆ เช่น จีนที่มีความต้องการบริโภคน้ำมันสูงทุบสถิติในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟูเมื่อต้นสหัสวรรษที่ผ่านมา และเริ่มชะลอตัวลงหลังจากเปลี่ยนทศวรรษ

ตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานเพื่อเทรดน้ำมันจากที่ไหน ?

การตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานก่อนการตัดสินใจเทรดน้ำมันก็มาจากการอ่านข่าว ติดตามข่าวและจับตาดูสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประเทศใดประเทศหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน และให้ความสนใจกับการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สำคัญมาก

นอกจากนี้ ยังมีรายงานข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมให้ศึกษามากมายก่อนที่จะเข้ามาเทรดน้ำมันในตลาด ต่อไปนี้ เป็นแหล่งข้อมูลที่ผู้ที่สนใจเข้ามาเทรดน้ำมันสามารถหาอ่านได้:

1. กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC

กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC จะมีรายงานทั้งรายเดือนและรายปี โดยรายงานรายเดือนจะครอบคลุมถึงประเด็นที่ตลาดน้ำมันทั่วโลกกําลังเผชิญและยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดปีต่อปี และปีต่อๆ ไปได้อีกด้วย ในขณะที่ รายงานประจําปีมุ่งเน้นไปที่การทบทวนผลประกอบการของประเทศสมาชิกในองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก รวมถึง สถานะปัจจุบันของตลาด

สมาชิกองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออกยังมีการจัดประชุมปีละ 2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ควรเฝ้าจับตาการประชุมต่าง ๆ ของสมาชิกองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออกเหล่านี้เนื่องจากประเทศมาชิกอาจมีการตัดสินใจครั้งใหญ่ในการเพิ่มหรือลดกำลังการผลิต เป็นต้น 

2. สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA)

สํานักงานสารสนเทศด้านพลังงานจะจัดทํา "รายงานสถานะปิโตรเลียมรายสัปดาห์" โดยภายในรายงานนี้ มีข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการขายน้ำมันที่เป็นปัจจุบัน หุ้นและราคาของน้ำมันดิบในสหรัฐอเมริกา และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงรายสัปดาห์ในสต็อกน้ำมันดิบ หากสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแสดงว่าความต้องการลดลงหรือมีการผลิตเพิ่มขึ้น 

แน่นอนว่า ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงข้อมูลบางส่วนเท่านั้นที่สามารถนำมาพิจารณาก่อนได้ เมื่อต้องการเทรดน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การเทรดน้ำมันก็ยังต้องศึกษาข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ มากขึ้นด้วย เช่น สภาพการณ์ของตลาดในปัจจุบันและแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นของตลาดน้ำมัน

บทส่งท้ายเรื่องเทรดน้ำมัน

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็น่าจะทำให้หลายๆ คนนึกถึงสภาพตลาดน้ำมันในระดับโลกได้ โดยเฉพาะที่มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันดิบ ซึ่งมีความสําคัญในการสร้างการวิเคราะห์พื้นฐานเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายน้ำมันต่างๆ ได้ 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องตระหนักถึงสถานการณ์ระดับโลกหลายเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในอนาคต รวมถึงสภาพตลาดในปัจจุบัน สภาพอุตสาหกรรมน้ำมันโดยทั่วไป หากมีข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์เองได้เบื้องต้น และสามารถเข้ามาเทรดในตลาดซื้อขายน้ำมันเองได้ด้วย

ทั้งนี้ หากยังใหม่กับการเทรดน้ำมัน ก็ควรลองเข้ามาเทรดน้ำมันประเภทต่างๆ ด้วยการเปิดบัญชีทดลองก่อนก็ได้ ซึ่งจะไม่ทำให้เงินทุนที่ลงไปตกอยู่ในความเสี่ยงแต่อย่างใด และหากมีคำถามเรื่อง การเทรดน้ำมัน การวิเคราะห์ราคาน้ำมันก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของเราได้โดยตรง หรือแม้กระทั่งสอนเทรดน้ำมันก็สามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของเราได้ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อเปิดบัญชีหรือตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเทรดน้ำมันได้ทันที! 

เทรดน้ำมัน กลยุทธ์การเทรดน้ำมัน และคำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับ Admirals

Admirals เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ชนะรางวัลมากมาย อีกทั้งได้รับ ใบอนุญาตและกำกับดูแลจากหลายประเทศทั่วโลก โดยให้บริการซื้อขายตราสารการเงินมากกว่า 8,000 รายการผ่านแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 เริ่มเทรดเลยวันนี้

Disclaimer: เอกสารนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำการลงทุน, การให้คำปรึกษาด้านการลงทุน, ข้อเสนอหรือคำชักชวนให้ทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน โปรดทราบว่า ในกรณีของการวิเคราะห์การซื้อขายใด ๆ ที่อ้างอิงถึงผลการดำเนินงานหรือสถิติในอดีต พฤติกรรมของข้อมูลดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใด ๆ คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงเป็นอย่างดีแล้ว”