Market Outlook – จับตาการประกาศอัตราดอกเบี้ยของ Fed, ECB และ BoE

ข่าวการประกาศอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BoE) กำลังจะครอบงำข่าวในสัปดาห์นี้ โดย 3 รายมีแนวโน้มที่จะเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม เนื่องจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นมีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่คาดหวังความประหลาดใจที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจสร้างความผันผวนในตลาดและส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนของUSD EUR  ยูโร และ GBP

และในสัปดาห์นี้ยังมีการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่าง ได้แก่ ดัชนี PMI จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานยอดค้าปลีกของเยอรมัน ประจำเดือน ธ.ค. 2022 และดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ประจำเดือน ม.ค. 2023 ของสหรัฐฯ 

Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

ในวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ Fed คาดว่าจะประกาศการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ย นักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดการณ์ว่า Fed จะเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม 0.25% ทำให้ช่วงเป้าหมายอยู่ระหว่าง 4.5 - 4.75% ในเดือนธันวาคม 2022 โดยหลังการประชุม Federal Open Market Committee (FOMC) Fed ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง 0.5% ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากเพิ่มขึ้น 0.75% ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน

นักวิเคราะห์ตลาดแนะนำว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า Fed มีแนวโน้มที่จะดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อดูเหมือนจะลดลงตามรายงานล่าสุด โดยกลยุทธ์นี้สามารถช่วยรักษาสมดุลของความเสี่ยงในการลดอัตราเงินเฟ้อโดยไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการว่างงานของประเทศ

นักวิเคราะห์ของ Commerzbank ให้ความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่า “เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 2.9% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 แต่ก็น่าจะเป็นไตรมาสสุดท้ายที่แข็งแกร่งมาระยะหนึ่งแล้ว แม้จะมีรายละเอียดยังไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ยังคงคาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ของ Fed”

BoE จะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกันหรือไม่?

และในวันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็เป็นกำหนดการของ BoE ที่จะประกาศการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Monetary Policy Committee - MPC) ของ BoE มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50bps ถึง 4% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า นี่อาจเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 10 ติดต่อกันของ BoE

กล่าวได้ว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรประสบกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ซึ่งส่งผลกระทบต่องบประมาณของครัวเรือนและธุรกิจ อย่างไรก็ตาม Andrew Bailey ผู้ว่าการ BoE กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้ออาจกลับมาเป็นบวกหลังจากที่ลดลงทั้งในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม

โดยรายงานจากธนาคาร ING กล่าวว่า “การขาดแคลนแรงงานที่ผสมผสานซึ่งเป็นโครงสร้างค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของสหราชอาณาจักร และด้วยเหตุนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่อัตราค่าจ้างจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้หากรวมถึงการเผชิญกับวิกฤตพลังงานของยุโรป ก็สามารถบ่งชี้ได้ว่า BoE น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยข้ากว่าในสหรัฐฯ"

ECB มีแนวโน้มที่จะขึ้นต้นทุนการกู้ยืมอีกครั้ง

ECB น่าจะปฏิบัติตาม BoE ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ และจากโพลของ Reuters ที่แสดงให้เห็นว่านักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการปรับขึ้น 50bps ในการประชุมอีก 2 ทำให้อัตราสูงสุดของดอกเบี้ยน่าจะอยู่ที่ 3.25% จากอัตราปัจจุบันที่ 2%

นอกจากนี้ Christine Lagarde ประธาน ECB กล่าวย้ำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อในสหภาพกลยุโรปยังคงสูงเกินไป พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า “เราได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้วว่าอัตราดอกเบี้ยของ ECB จะยังคงต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากในอัตราที่คงที่ เพื่อให้ไปถึงระดับที่เพียงพอและคงอยู่ในระดับดังนั้นเท่าที่จำเป็น”

โดยสมาชิกสภาที่กำกับดูแลของ ECB และผู้ว่าการธนาคารแห่งไอร์แลนด์ Gabriel Makhlouf ตั้งข้อสังเกตว่า “เราจำเป็นต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่อไปในการประชุมในสัปดาห์หน้า – โดยใช้ขั้นตอนที่คล้ายกับการตัดสินใจในเดือนธันวาคม – และในการประชุมในเดือนมีนาคมแม้ว่า การตัดสินใจนโยบายในอนาคตจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น” ทั้งนี้ Fabio Panetta สมาชิกคณะกรรมการของ ECB ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าว Handelsblatt ว่า ECB ไม่ควรให้คำมั่นสัญญาในการเคลื่อนไหวนโยบายล่วงหน้าหรือที่เกินกว่าเดือนกุมภาพันธ์

จับตารายงาน NFP ของสหรัฐฯ

และในวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ นักลงทุนและเทรดเดอร์จะตรวจสอบรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ประจำเดือนมกราคม ของสหรัฐฯ ซึ่งจะเผยแพร่โดยสำนักสถิติแรงงาน (BLS) ซึ่งการอ่านค่าที่สูงจะเป็นผลบวกต่อ USD ในขณะที่การอ่านค่าต่ำอาจทำให้ค่าของสกุลเงินอ่อนค่าลงได้

โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ในเดือนมกราคมนั้นมีการจ้างงานใหม่ 175,000 ตำแหน่งในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งลดลงจาก 223,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม ซึ่งคาดว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ จะสูงขึ้นถึง 3.6% หากตัวเลข NFP ของเดือนธันวาคมเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ หรือแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่า Fed จะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น

คุณว่าการเทรดข่าวเศรษฐกิจมหภาคน่าสนใจไหม? หากคำตอบคือใช่ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติม เรามีคำตอบให้คุณ กับสัมนาการเทรดออนไลน์ ฟรี ที่คุณจะได้พบกับเซสชั่นที่หลากหลายพร้อมพบปะพูดคุยกับเหล่าเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมศึกษาวิธีการและกลยุทธ์ที่น่าสนใจในไลฟ์สดที่จะมาสาธิตวิธีการต่างๆ เพื่อคุณโดยเฉพาะ!

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอ หรือการชักชวนสำหรับธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายด้านบน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน