จับตากระแสข่าวเศรษฐกิจ ท่ามกลางการเข้าสู่จุดจบของโควิด-19

ช่วงเวลาที่เรารอคอยตั้งแต่ต้นปี 2020 ใกล้เข้ามาแล้ว จากถ้อยแถลงร่วมกันของสหรัฐอเมริกาและองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เน้นย้ำภาพรวมในระบบสาธารณสุขทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่งเป็นการสนับสนุนที่กีเศรษฐกิจและการทำงาน แม้จะยังเป็นลมปะทะที่รุนแรงที่จะคอยท้าทายความสามารถในการผลิตของตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

โดยปัจจัยที่ควรจับตาดูในสัปดาห์นี้ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน ที่จะถึงนี้สหรัฐฯ ภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค จะมีการประกาศดัชนี GDP ประจำปีไตรมาสที่ 2 ท่ามกลางข้อมูลคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนสิงหาคมยังคงอยู่ในแดนลบที่ - 0.2% GDP ในไตรมาส 2 (จากการคาดการณ์ไว้ที่ 0.6% ต่อปี) ไม่ว่าดัชนีที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ก็อาจส่งผลให้คู่สกุลเงิน USD เคลื่อนไหวได้

กล่าวได้ว่านโยบายการเงินที่พุ่งสูงขึ้นจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จากอัตราเงินเฟ้อที่สูง ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง นอกจากนี้ยังส่งผลกับการทำระดับการขายหุ้นออกในตลาดหุ้นทั่วโลก แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่ราคาจะเร็วขึ้นเมื่อเทียบในระหว่างปี 2020 ถึงต้นปี 2022 จากนโยบายการเงินที่วางเป้าหมายการปรับลดอัตราเงินเฟ้อสูงไว้ที่ 2% เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคต้องเผชิญกับราคาที่สูงหรือการชำระคืนในอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไป แต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ที่แข็งค่า ก็อาจสนับสนุนอำนาจการใช้จ่ายของนักเดินทางชาวอเมริกันและการจัดซื้อที่ซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จากซึ่งอาจส่งผลกระทบการส่งออกให้สูงขึ้นจากความได้เปรียบของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการปรับขึ้น

ส่วนในยุโรปก็มีอัตราเงินเฟ้อสูงคล้ายคลึงกัน แต่ค่าเงินยูโรกลับร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ (ในขณะที่เขียน) ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อกำลังการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่สนับสนุนการส่งออกของยูโรโซนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าดึงดูดใจ กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรยังต้องเผชิญกับแรงปะทะอีกมาก อย่างน้อยก็จากค่าเงินที่อ่อนตัวและอัตราเงินเฟ้อที่สูง แต่ก็ยังพอมีข่าวที่น่าพอใจอยู่บ้างจากการฟื้นตัวของหน่วยเศรษฐกิจหลักอย่างการจ้างงาน ที่ยังสามารถฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความไม่แน่นอนของ COVID-19 ได้

ส่วนในประเทศจีน เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ก็เตรียมเร่งเครื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และที่ควรจับตามอง คือ การประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ประจำเดือนกันยายน ที่จะเผยแพร่ในวันศุกร์ที่ 30 นี้ ซึ่งดัชนี PMI นอกภาคการผลิตอยู่ที่ 52 (เทียบกับ 52.6 ในเดือนสิงหาคม) ซึ่งยังคงอยู่ในแดนเติบโต โดยในคาดว่า NBS Manufacturing PMI (ของจีน) จะลดลงจาก 49.4 ในเดือนสิงหาคม มาอยู่ที่ 49.2 ในเดือนกันยายน

ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว มีแนวโน้มว่าจะเป็นการสนับสนุนคู่ค้ายักษ์ใหญ่ของเอเชีย เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะรับมือกับกระแสลมปะทะทางเศรษฐกิจครั้งนี้ได้

หากต้องการทราบข้อมูลกิจกรรมการซื้อขาย Forex ห้ามพลาดตรวจสอบข่าวคราวและเหตุการณ์สำคัญในตลาดเพื่อไม่ให้พลาดทุกความเคลื่อนไหวที่หน้าปฏิทิน Forex ของ Admiral Markets ไว้ดูได้เลย!

และหากต้องการเรียนรู้และทำความเข้าใจในตลาดการซื้อขาย ห้ามพลาด! สัมนาออนไลน์  ฟรี ที่เราจัดให้คุณได้ร่วมสนทนาและเรียนรู้จากเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก 

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอ หรือการชักชวนสำหรับธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายด้านบน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน