ปัจจัยขับเคลื่อน USD ในเดือนพฤศจิกายน

พฤศจิกายน 14, 2022 11:30

อัตราเงินเฟ้อที่สูงและสภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ใน 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ ส่งผลให้มูลค่าของ USD ปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น โดย USD จะมีจุดอ่อนจาดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค ซึ่งปรับตัวได้ดีขึ้นและกลับมาเติบโตในไตรมาสที่ 3

กล่าวได้ว่าในไตรมาสนี้มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับ USD นั้นค่อนข้างแตกต่างจากธนาคารกลางรายใหญ่อื่นๆ อย่าง EUR และ GBP ที่ต้องพยายามฟื้นกลับมาจากการลดลงในช่วงต้นปี และเราจะมาดูกันว่าอะไรคือตัวขับเคลื่อนตลาดหลักของ USD ในเดือนพฤศจิกายน?

อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ลดลง

รายงานอัตราเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าราคามีแนวโน้มลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และมีอัตราเงินเฟ้อประจำปีลดลงเหลือ 7.7% ในเดือนตุลาคม (จาก 8.2% ในเดือนกันยายน) ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แต่แนวโน้มอื่นที่กำลังพัฒนาก็อาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ เนื่องจากการซื้อบ้านลดลงจากต้นทุนการจำนองที่สูงขึ้น ราคาเช่าจึงเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.9 ในเดือนตุลาคม (จาก 6.6 ในเดือนก่อนหน้า)

แล้วอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมีความสำคัญอย่างไร ? สิ่งแรกคือ Fed อาจผ่อนปรนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรายเดือนที่อาจที่ต่ำกว่า 0.75% ซึ่งจะส่งผลต่อโมเมนตัมของ USD ได้ แต่การคิดนั้นอาจมองโลกในแง่ดีเกินไปหากพิจารณาจากถ้อยแถลงของ Jerome Powell ประธาน Fed ในเดือนสิงหาคม ที่กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มฟื้นตัว หากนโยบายการเงินผ่อนคลายเร็วเกินไป ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจะไม่ปล่อยจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเข้าใกล้เกณฑ์ที่ 2% 

และต่อมา คือ เฟดอาจลดอัตราเงินเฟ้อลง เนื่องจากเป็นสัญญาณว่าการเงินตึงตัวจากการที่คณะกรรมการ Fed ยังคงมุ่งมั่นดำเนินนโยบายการการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในการประชุมในวันที่ 13-14 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ในไตรมาสแรกของปี 023 แต่ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และหากมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจในอีกด้านหนึ่งของคู่สกุลเงิน USD ก็จะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวนี้ด้วยเช่นกัน 

พัฒนาการของ EUR

จากอัตราเงินเฟ้อในเยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยูโรโซน เพิ่มขึ้นเป็น 10.4% ในเดือนตุลาคม จาก 10% ในเดือนกันยายน ซึ่งจะส่งผลให้มีแนวโน้มในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงในการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในกลางเดือนหน้า ซึ่งจะมีการหารือเพื่อกำหนดนโยบายหลังจากที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงต่ำกว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แน่นนอนว่าสกุลเงินเดียวของยูโรโซนนี้อาจแข็งค่าขึ้น จากความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับท่าทีที่แข็งกร้าวจาก ECB

แนวโน้มของค่าเงินยูโรอาจได้รับผลกระทบจากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ZEW ของเยอรมนีในเดือนพฤศจิกายน ที่ยังคงอยู่ในแดนลบ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและสงครามในยูเครนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความเชื่อมั่น

GBP กับการเติบโตที่ช้าลงในสหราชอาณาจักร 

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รายเดือนของสหราชอาณาจักรลดลงมาอยู่ที่ลบ -0.60% ในเดือนกันยายน (ลดเพิ่มจาก -0.30% ในเดือนสิงหาคม) ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงิน  GBP ลดลงอีก หาก USD แข็งค่าขึ้น เทรดเดอร์จึงจับตาดูการประกาศอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรในเดือนตุลาคม และหากเหิดผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด ก็จะเป็นอาจเพิ่มความท้าทายการเติบโตของ GBP ขึ้นไปอีก

ท่าทีผ่อนคลายของ JPY และ BoJ

จากการที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BoJ) มีความสมดุลระหว่างอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยในระดับภูมิภาคและทั่วโลก การตัดสินใจของธนาคารอาจได้รับอิทธิพลจากรายงานดุลการค้าของประเทศในเดือนตุลาคม ซึ่งจนถึงตอนนี้ BoJ ยังคงจุดยืน dovish และรักษาอัตราดอกเบี้ยในประเทศในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม หากรายงานอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคมของเดือนตุลาคมออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจทำให้ BoJ คิดทบทวนนโยบายนี้ได้

AUD กับ RBA

จากรายงานการประชุมของธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย (RBA) ที่จะครบกำหนดในเร็วๆ นี้ ทำให้เทรดเดอร์จับตาดูสัญญาณการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม จากการที่ RBA ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งขยับคำแนะนำขึ้นเพียง 0.25% ในช่วงต้นเดือน ทั้งนี้ มีความคิดเห็นล่าสุดจาก Michele Bullock รองผู้ว่าการ RBA ที่ระบุว่าอาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเล็กน้อยขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจ

สรุปปัจจัยขับเคลื่อน USD ในเดือนพฤศจิกายน

กล่าวได้ว่า แนวโน้มตลาดสำหรับคู่สกุลเงิน USD อาจได้รับผลกระทบจากรายงานการประชุมของ RBA อัตราเงินเฟ้อ และรายงานความเชื่อมั่นของเยอรมนี รวมทั้งการชะลอตัวของการเติบโตของสหราชอาณาจักร และดุลการค้าของญี่ปุ่นอีกด้วย

 

เพื่อการเทรดข่าวอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมข้อมูลเชิงลึกที่เหล่าเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญจะมาชวนคุณพูดคุยเรื่องถึงทุกมุมมองการเทรดข่าว เข้าร่วมสัมนาการเทรดออนไลน์ ฟรี ก่อนใครได้แล้ววันนี้ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างได้เลย! 

สัมมนาการเทรดออนไลน์ฟรี

เรียนสดกับเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอ หรือการชักชวนสำหรับธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายด้านบน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน 

Sarah Fenwick
Sarah Fenwick นักเขียนด้านตลาดการเงิน

ภูมิหลังของ Sarah Fenwick เป็นมืออาชีพด้านวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เธอทำงานเป็นนักข่าวที่ครอบคลุมทั้งตลาดหลักทรัพย์สวิส การเงินและเศรษฐศาสตร์ และเป็นนักเขียนมา 15 ปี