จับตาการประกาศดอกเบี้ยนโยบายของ RBNZ และราคาน้ำมัน

นักลงทุนและเทรดเดอร์ต่างมุ่งความสนใจไปที่การประกาศดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ที่มีกำหนดในวันพรุ่งนี้ ในขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์บางส่วนแนะนำว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

นอกจากนี้ การตัดสินใจของ OPEC+ ในการปรับลดการผลิตน้ำมันทำให้ในวันจันทร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันพุ่งขึ้นถึง 6% โดยนักวิเคราะห์ตลาดให้ความเห็นเกี่ยวกับการลดการผลิตน้ำมันที่ลดลงนี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจต้องพิจารณาแผนใหม่ จากิัตราเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้นในระหว่างนี้

ซึ่งส่งผลให้ Morgan Stanley ได้ปรับลดการคาดการณ์ราคาน้ำมันของปี 2023 ลง โดยนักยุทธศาสตร์ของ Morgan Stanley กล่าวในรายงานไว้ว่า “เป็น (การตัดสินใจ) จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยในบางส่วนที่ให้สัญญาณว่า เราอยู่ในจุดไหนของตลาดน้ำมัน ซึ่งหากต้องพูดตามตรงเมื่อมีอุปสงค์ที่มากขึ้นอย่างมาก OPEC ก็ไม่จำเป็นต้องลดการผลิต”

การประกาศดอกเบี้ยนโยบายของ RBNZ

ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) มีกำหนดการประกาศการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยในวันพุธที่ 5 เมษายนนี้ โดยนักวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นไว้ว่าอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (Official Cash Rate - OCR) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 25 bps

โดยนักเศรษฐศาสตร์ของ ASB แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า RBNZ อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง แต่อัตราที่สูงขึ้นนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์แล้ว “เศรษฐกิจอาจสูญเสียโมเมนตัมเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่านโยบายการเงินกำลังเริ่มส่งผลอย่างหนัก นอกจากนี้ผลกระทบของนโยบายยังมีอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะอัตราการจำนองเฉลี่ยที่มีชำระอาจเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของจุดต่ำสุดและจุดสูงสุด” 

นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ Westpac ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจาก "เรากำลังคาดการณ์ดอกเบี้ยสูงสุดที่ 5% ในครั้งนี้ แม้ว่าจะรับทราบถึงแนวโน้มความเสี่ยงที่เอนเอียงไปทางจุดสูงสุดมากกว่าจุดต่ำสุดจนกว่า RBNZ จะได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ก็จะยังคงเน้นย้ำถึงศักยภาพในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป”

RBA คงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประกาศการคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ที่ 3.60% หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 10 ครั้ง ซึ่งไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์

Philip Lowe ผู้ว่าการ RBA กล่าวถึงการคาดการณ์นโยบายไว้ว่า นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นอาจมีความจำเป็น พร้อมแถลงการณ์หลังการประชุมว่า “คณะกรรมการได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ เพื่อให้เวลาเพิ่มเติมในการประเมินผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปัจจุบันและแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยคณะกรรมการตระหนักดีว่านโยบายการเงินดำเนินไปอย่างล่าช้า และยังไม่รู้สึกถึงผลกระทบเต็มที่จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากนี้ โดยคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในออสเตรเลีย และอัตราเงินเฟ้อของราคาสินค้าอาจลดลงในไม่กี่เดือนต่อจากนี้”

การลดการผลิตทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น

โดยในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ประกาศว่าจะลดการผลิตน้ำมันลง 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มในเดือนพฤษภาคม ช่วงเวลาของการตัดสินใจนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด แม้ว่า OPEC+ ได้ให้คำมั่นว่าจะลดการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในสิ้นปี 2023

ตัวแทนของ OPEC+ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพด้านราคา ในขณะที่นักวิเคราะห์ตลาดบางส่วนแสดงความคิดเห็นว่าองค์กรมีเป้าหมายเพื่อผลกำไรที่สูงขึ้น การลดการผลิตน้ำมันอาจสร้างความตึงเครียดระหว่างสมาชิก OPEC+ และรัฐบาลตะวันตก เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มลดลงตามราคาพลังงานที่ลดลง

ING และ Goldman Sachs คิดอย่างไร ?

การประกาศลดการผลิตน้ำมัน ทำให้นักวิเคราะห์ของ ING ต้องปรับการคาดการณ์ราคาน้ำมัน “การลดเซอร์ไพรส์เหล่านี้หมายถึงตลาดที่เข้มงวดขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้เราต้องปรับคาดการณ์น้ำมันในช่วงที่เหลือของปี 2023 ให้สูงขึ้น จากตลาดที่ตึงตัวขึ้นทำให้มีการคาดการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งก่อนที่จะประกาศการปรับลดเหล่านี้ ING คาดการณ์ว่าราคา Brent จะอยู่ที่ประมาณ $97/bbl ในช่วงครึ่งหลังของปี แต่หลังข่าวได้มีการปรับการคาดการณ์ไว้ว่าตลาดจะอยู่ที่ประมาณ $101/bbl” 

นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ที่ Goldman Sachs ก็มีการปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคา Brent ในเดือนธันวาคม 2023 เป็น $95/bbl นอกจากนี้ยังคาดการณ์ราคา Brent barrel ว่าจะมีราคาที่ $100 ในเดือนธันวาคม 2024 โดยในรายงานที่เผยแพร่ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า “แม้ว่าความเคลื่อนไหวนี้จะน่าประหลาดใจ แต่ก็สะท้อนถึงการพิจารณาทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สำคัญ ซึ่งการลดกำลังการผลิตอาจทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 7% ซึ่งส่งผลให้รายได้จากน้ำมันของซาอุดีอาระเบียและ OPEC+ สูงขึ้น นอกจากนี้การปฏิเสธที่จะเติม SPR (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2023 แม้ว่า (เกณฑ์มาตรฐานของสหรัฐฯ) WTI จะต่ำซึ่งเพียงพอที่จะจำเป็นกักเก็บเพิ่มเติม ซึ่งก็อาจมีส่วนทำให้การตัดสินใจของ OPEC+ ลดลงเช่นกัน”

ISM Services PMI ประจำเดือนมีนาคม

สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) จะเปิดเผยข้อมูล PMI ภาคบริการประจำเดือนมีนาคม ของสหรัฐฯ  ซึ่ง PMI ของภาคบริการนี้  ISM คาดว่าจะยังคงยืดหยุ่น แม้จะมีการชะลอตัวลงเหลือ 54.5 จาก 55.1 โดยรายงาน PMI ภาคบริการของเดือนกุมภาพันธ์แสดงให้เห็นว่าภาคบริการมีพื้นฐานมาจาก PMI ภาคการผลิตที่หดตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

ซึ่งดัชนี PMI ภาคบริการของ S&P Global สหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่อัตราเงินเฟ้อจะไม่ลดลงในเดือนนี้ตามการคาดการณ์

คุณว่าการเทรดข่าวเศรษฐกิจมหภาคน่าสนใจไหม? หากคำตอบคือใช่ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติม เรามีคำตอบให้คุณ กับสัมนาการเทรดออนไลน์ ฟรี ที่คุณจะได้พบกับเซสชั่นที่หลากหลายพร้อมพบปะพูดคุยกับเหล่าเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมศึกษาวิธีการและกลยุทธ์ที่น่าสนใจในไลฟ์สดที่จะมาสาธิตวิธีการต่างๆ เพื่อคุณโดยเฉพาะ!

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอ หรือการชักชวนสำหรับธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายด้านบน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน