จับตาการชะลอนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ RBNZ
ตลาดจับตานโยบานการเงินของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ที่จะประกาศในวันพุธนี้ ว่าจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือจะปรับนโยบายเข้มงวดตามธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เนื่องจากคณะกรรมการของ RBNZ เป็นหนึ่งในกลุ่มแรกๆ ที่เพิ่มต้นทุนการกู้ยืมเพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อจาก CPI
และในสหราชอาณาจักรแม้จะมีคำเตือนจากธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BoE) และรัฐบาล แต่ค่าจ้างก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานรายได้เฉลี่ยแสดงให้เห็นว่า ค่าจ้างมีอัตราการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 3 เดือนจนถึงเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้นักวิเคราะห์ตลาดคาดการณ์ว่า BoE อาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ
ส่วนในสหภาพยุโรปผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) Francois Villeroy de Galhau กล่าวว่า “เราเริ่มมีข่าวดีเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ” โดยคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างต่อเนื่องและจะกลับมาที่ 2% ภายในปี 2025
ดอกเบี้ยนโยบายของ RBNZ
RBNZ จะประกาศการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในเช้าวันพุธที่ 12 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า RBNZ ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยความคิดเห็นของเหล่านักเศรษฐศาสตร์ที่ Reuters ได้ทำการสำรวจในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่า RBNZ มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.50% ในการประชุมในวันพุธนี้ และในช่วงที่เหลือของปี 2023 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการผลักดันเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยมาตลอด 20 เดือน
โดยในขณะนี้มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และมีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบรายปี อยู่ที่ 6.7% ซึ่งยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางที่ 1-3% ซึ่งรายงานของ Kiwibank ก็มีทีท่าว่าจะเห็นด้วยกับแบบสำรวจความคิดเห็นของ Reuters โดยระบุว่า "ในแถลงการณ์เดือนพฤษภาคมนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีการติดตาม OCR อย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีนักวิจารณ์บางส่วนที่เหมือนจะไม่สามารถทำความเข้าใจได้ แต่มันอัตราเงินเฟ้อนี้ก็เป็นเพียงเส้นตรงแบนๆ ที่จะไม่เปลี่ยนในปีหน้า ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดนั้นก็เป็นสัญญาณว่า RBNZ น่าจะกำลังชะลอการขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวนับจากนี้ โดยมีข้อเท็จจริงจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ไว้ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลๆ ที่จะสนับว่านี่อาจไม่เกิดขึ้นซึ่ง 'เราก็กำลังรออยู่ เรากำลังดูอยู่'”
รายได้เฉลี่ยและอัตราการว่างงานในสหราชอาณาจักร
รายงานโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) แสดงให้เห็นว่ารายได้เฉลี่ย (ไม่รวมโบนัส) ในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 7.3% ในช่วง 3 เดือนจนถึงเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่ก็มาพร้อมกับอัตราการว่างงานของประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็น 4% ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งคนทำงานก็มีท่าทีที่มีความสุขกับการขึ้นเงินเดือน นักวิเคราะห์บางส่วนแนะนำว่า ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BoE) จะถูกบังคับให้ดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไปโดยเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของ ING กล่าวว่า “การเติบโตของค่าจ้างในสหราชอาณาจักรจะถึงจุดสูงสุดแล้วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และตอนนี้ก็กำลังดำเนินไปด้วยความเร็วสูงสุด และขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อของสัปดาห์หน้าที่อาจผลักดันให้ BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 bps ในเดือนสิงหาคม”
อัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนมิ.ย. ของจีนยังคงทรงตัว
หลังจากการเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพฤษภาคม ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบรายปี ของจีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกที่ 0.2% ซึ่ง Reuters มีรายงานจากนักเศรษฐศาสตร์ของ Barclays ว่า "เราคิดว่าสภาพแวดล้อมการเงินที่ฝืดนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายมากขึ้น และโมเมนตัมการเติบโตที่ชะลอตัวลงอย่างมากนี้ก็สนับสนุนมุมมองของเราที่ว่าธนาคารกลางของจีน (PBOC) ได้เข้าสู่วงจรการลดอัตราดอกเบี้ย"
ปักกิ่งตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคเฉลี่ยในปี 2023 ไว้ที่ประมาณ 3% โดยมีราคา เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2022 เพิ่มขึ้น 2% โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ได้เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ในเดือนมิถุนายน ลดลง 5.4% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงที่ใหญ่ที่สุด ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา
เทรดข่าวเศรษฐกิจมหภาคน่าสนใจไหม? หากคำตอบคือใช่ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติม เรามีคำตอบให้คุณ กับสัมนาการเทรดออนไลน์ ฟรี ที่คุณจะได้พบกับเซสชั่นที่หลากหลายพร้อมพบปะพูดคุยกับเหล่าเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมศึกษาวิธีการและกลยุทธ์ที่น่าสนใจในไลฟ์สดที่จะมาสาธิตวิธีการต่างๆ เพื่อคุณโดยเฉพาะ!
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอ หรือการชักชวนสำหรับธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายด้านบน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
