Jerome Powell พระเอกของงาน! - FED จะทำไรต่อไป?
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Federal Reserve ได้เผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายในเดือนธันวาคม โดยมีนัยยะว่า อาจดำเนินการขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วกว่าหรือเป็นไปในเชิงรุกมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อรับมือกับสภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในปัจจุบันที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
ในครั้งนั้น ทำให้เกิดการปรับตัวลงของตลาดหุ้นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในตลาดหุ้นสหรัฐ และหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐ และยังพักตัวหลังจากการปรับตัวลง ทำท่าเหมือนตลาดจะไปไม่ไหวแล้ว
แต่เมื่อวานนี้ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ออกมาพูดต่อหน้าคณะกรรมการการธนาคารของวุฒิสภา โดยเขา แม้จะยืนยันว่า FED จะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นก่อนที่จะควบคุมไม่ได้ แต่ "ความรู้สึกเร่งด่วน" ที่หลายคนตีความจากรายงานการประชุมธันวาคมของ FED ก็ยังไม่ชัดเจนนัก กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ อาจเป็นสิ่งไม่จำเป็นหรือยังไม่ลังจะเกิดขึ้น
และในการตอบสนองต่อข่าวนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้น โดยดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq 100 พุ่งขึ้น 0.51%, 0.92% และ 1.47% ตามลำดับ
ผู้นำการฟื้นตัวในรอบนี้ คือ หุ้นเทคโนโลยี เนื่องจากสัปดาห์ทีแล้วมีแรงเทขายระยะสั้นไป ซึ่งในมุมหนึ่ง นักลงทุนก็มองว่า ยังไม่ได้กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานแต่อย่างไรนัก อย่างไรก็ตาม การประกาศในสัปดาห์ที่แล้ว ก็ทำให้บริษัท Apple ที่มีมูลค่าใหญ่ที่สุดในโลก ปรับตัวลดลงถึง 7.5% และท่าทีของ FED เมื่อวานนี้ ก็ทำให้ราคาหุ้น Apple ฟื้นตัวขึ้นมาได้ถึง 1.68%
อัตราดอกเบี้ยและหุ้นมีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์ผกผัน หรือตรงกันข้าม การลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากการประเมินมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีมักจะขึ้นอยู่กับโอกาสของผลกำไรในอนาคต ซึ่งได้รับผลกระทบทางลบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
เหตุใดจึงเป็นเช่นกัน?
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าธุรกิจจะต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อชำระหนี้ ต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร
ประการที่สอง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเพิ่มจำนวนเงินที่ผู้คนได้รับจากการเก็บเงินไว้ในธนาคาร กระตุ้นให้พวกเขาประหยัดเงินแทนที่จะใช้จ่าย กล่าวอีกนัยหนึ่ง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้การบริโภคลดลง (เพราะฝากธนาคารไว้) ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทต่างๆ ลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อผลกำไรของบริษัทโดยธรรมชาติ
ประการที่สาม และอาจสำคัญที่สุดสำหรับหุ้นเทคโนโลยี แนวปฏิบัติมาตรฐานในหมู่นักลงทุนมืออาชีพคือการ "ลดคาดการณ์" ผลกำไรในอนาคต เนื่องจากกำไรของดอลลาร์ในปัจจุบันถือว่ามีมูลค่าสูงกว่ากำไรของดอลลาร์ในปีต่อ ๆ ไป ในการคำนวณนั้น อัตราดอกเบี้ยมีบทบาทสำคัญ และยิ่งมีอัตราดอกเบี้ยมากเท่าไร ผลกำไรในอนาคตที่มีมูลค่าน้อยกว่าก็จะถือว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมักมีกำไรต่ำหรือไม่มีเลยในปัจจุบันและมีโอกาสได้กำไรมหาศาลในอนาคต การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อหุ้นเหล่านี้
แม้ว่า ความคิดเห็นของ Powell จะสร้างความมั่นใจให้กับตลาดในขณะนี้ แต่เรายังต้องติดว่า รายงานเงินเฟ้อที่คาดว่าจะรายงานที่ 7% แต่ถ้าสูงกว่านี้ เราอาจเห็นหุ้นเทคโนโลยีเช่น Apple ลดลงอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการของเฟดในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ แต่เรายังคงเห็นความผันผวนใน Wall Street ต่อไป
ใช้งาน MetaTrader 5 และเปิดบัญชีทดลองฟรี!
- เปิดบัญชี Demo ได้ฟรี และเปิดใหม่ได้เรื่อย ๆ หากบัญชีหมดอายุ
- เทรดตลาด Commodity สำคัญ ๆ ได้ครบทุกตัว ทองคำ, น้ำมัน, แร่ธรรมชาติ ฯลฯ
- ฝึกลงทุนแบบนักลงทุน VI ด้วยพันธบัตรและกองทุน ETF ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ARK, iShare, SPDR
การเปิดบัญชีกับ Admiral Markets นั้นสะดวกรวดเร็วมาก ๆ คุณเพียงกรอกแค่ชื่อกับอีเมลเท่านั้น คุณก็จะได้รับอีเมลรหัสสำหรับการเข้าเทรด และลิงค์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมเทรด คลิกเปิดบัญชีที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ได้เลย
ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อการวิเคราะห์:
สื่อ, สารสนเทศที่ได้นำเสนอมีรายละเอียดที่เชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ การประเมินผลลัพธ์ การคาดการณ์และการพยากรณ์รายเดือนหรือรายสัปดาห์ รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะของข้อมูลในรูปแบบเดียวกัน (ต่อไปจะเรียกว่า "การวิเคราะห์") ซึ่งได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ Aglobe Investments Ltd. ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โปรดศึกษาและพิจารณาข้อควรระวังดังต่อไปนี้
- นี่คือการสื่อสารทางการตลาด การวิเคราะห์ที่ถูกเผยแพร่ไปนั้น มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำทางด้านการลงทุน ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน (Independence of Investment Research) และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใด ๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน
- การตัดสินใจลงทุนใดๆ ของลูกค้า เป็นการตัดสินใจแต่โดยลำพังของลูกค้าเอง ซึ่ง Aglobe Investments Ltd.จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นผลจาก "การวิเคราะห์" หรือไม่ก็ตาม
- ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าของเราและความเที่ยงธรรมของการวิเคราะห์ Aglobe Investments Ltd ได้กำหนดกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
- การวิเคราะห์จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ (นักวิเคราะห์) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้เขียน") เนื้อหาเป็นไปตามการประมาณการณ์ส่วนบุคคลของพวกเขา
- ในขณะที่ใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้แน่ใจว่า แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดมีความน่าเชื่อถือและมีการนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในลักษณะที่เข้าใจได้ทันเวลา แม่นยำและครบถ้วนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Aglobe Investments Ltd ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของ ข้อมูลใด ๆ ที่อยู่ในการวิเคราะห์
- ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาหรือแบบจำลองใด ๆ ในอดีตของเครื่องมือทางการเงินที่ระบุไว้ในเนื้อหา ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการรับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยโดย Aglobe Investments Ltd สำหรับผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในอนาคต มูลค่าของตราสารทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นและลดลง ไม่มีการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้น
- ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับความแตกต่าง; CFD) เป็นลักษณะของการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียหรือกำไร ก่อนที่คุณจะเริ่มการซื้อขายโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้