คู่มือการเทรดสำหรับมือใหม่: วิกฤติเพดานหนี้สหรัฐฯ ใกล้ตัวเทรดเดอร์มากแค่ไหน ?

เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ข่าวการเจรจาเพดานหนี้ในสหรัฐฯ จึงเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงควบคู่กับข่าวเงินเฟ้อในช่วงนี้ ทำให้วิกฤตเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ได้รับความสนใจมากขึ้นว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะสามารถชำระหนี้คืนให้กับผู้ให้กู้ได้อย่างไร 

ซึ่งการเจรจาในลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะบางครั้งรัฐบาลสหรัฐฯ ก็จำเป็นต้องพยายามเพิ่มเพดานหนี้เพื่อการชำระหนี้ อีกทั้งการประนีประนอมและข้อตกลงในนาทีสุดท้ายอาจช่วยได้ในหลายโอกาส แต่การเจรจานี้ก็อาจสร้างความรู้สึกไม่แน่นอนในตลาดการเงินได้

เทรดเดอร์จึงติดตามข่าวการเจรจาอย่างใกล้ เนื่องจากมูลค่าของ USD เมื่อเทียบกับคู่แข่งอาจเป็นเหมือนความสงบสุขชั่วคราวท่ามกลางปัญหาและความขัดแย้งที่ยังมาไม่ถึง หรือตลาดหุ้นเองก็อาจต้องเผชิญกับมรสุมที่จะตามมา และวันนี้เรามาทำความเข้าใจในรายละเอียดของเพดานหนี้ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดในเร็วๆ นี้ไปพร้อมกัน!

เพดานหนี้ของสหรัฐฯ คืออะไร?

เพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้ รัฐบาลสามารถดำเนินการได้หลายวิธี เช่น การออกพันธบัตรรัฐบาล หรือการกู้ยืม ซึ่งรัฐบาลจะนำเงินทุนเหล่านี้มาใช้ในการจ่ายเงินเดือน การเงินในแผนการลงทุน และข้อผูกมัดอื่นๆ

เพดานหนี้คือข้อจำกัดของจำนวนหนี้ทางกฎหมายที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ตั้งไว้ ดังนั้น เพดานหนี้ของสหรัฐฯจึงจำกัดจำนวนเงินที่รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถกู้ยืมได้ เพื่อให้สามารถครอบคลุมความต้องการทางการเงิน ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า หากหนี้ถึงเพดานแล้วโดยไม่มีโอกาสเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะต้องใช้ “มาตรการพิเศษ” เพื่อจัดหาค่าใช้จ่ายจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข

เนื่องจากการเจรจาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องใหม่ กระทรวงการคลังของประเทศจึงไม่เคยถูกบังคับให้ใช้ “มาตรการพิเศษ” อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 14 ของสหรัฐฯ ก็มีใจความระบุว่า “จะไม่มีการตั้งคำถามในความถูกต้องของหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ” ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนแสดงความคิดเห็นว่า แม้จะมีการขยายวงเงินเพดานหนี้ที่กำหนดแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ไม่อาจสามารถผิดนัดชำระหนี้ได้ 

การเจรจาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ เหลือเวลาอีกไม่มากนัก

ปัจจุบันเพดานหนี้ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการปรับเพดานนี้ขึ้น แต่การเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังไม่ได้ผลในเชิงบวก รายงานโดย Moody's Analytics คาดการณ์ว่า "หากต้องเผชิญหน้ากันเป็นเวลานาน ราคาหุ้นก็จะลดลงอีกเกือบ 1 ใน 5 และเศรษฐกิจจะหดตัวมากกว่า 4% ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียงานมากกว่า 7 ล้านตำแหน่ง"

รายงานจาก CNN ซึ่งประกาศในวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า Janet Yellen รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้โทรหาผู้นำภาคธุรกิจทั่วประเทศเพื่อแจ้งให้ทราบถึงความจำเป็น ซึ่ง Yellen ได้เรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสว่าสหรัฐฯ สามารถผิดนัดชำระหนี้ได้โดยเร็วที่สุดในวันที่ 1 มิถุนายน หากฝ่ายนิติบัญญัติไม่จัดการเรื่องวงเงินหนี้ก่อนหน้านั้น

Janet Yellen รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมรัฐมนตรีคลัง G7 โดยเน้นย้ำว่า “แนวคิดเรื่องการผิดนัดชำระหนี้เป็นสิ่งที่ทำลายเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง ซึ่งทุกคนควรมองว่าเป็นสิ่งที่คิดไม่ถึง อเมริกาไม่ควรผิดนัด”

มุมมองของนักวิเคราะห์ตลาดต่อการเจรจาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ?

ผู้เชี่ยวชาญของ Moody’s Analytics ระบุในรายงานว่า “สิ่งที่เคยดูเหมือนเป็นไปไม่ได้กลับกลายมาเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะเป็นระยะสั้นมากกว่าระยะยาว แต่ความขัดแย้งที่ยาวนานก็ไม่มีความเป็นไปได้อีกต่อไป” ในความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการละเมิดเพดานที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ 10%

เจ้าหน้าที่หอการค้าสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าว Reuters ว่าการเจรจาเกี่ยวกับเพดานหนี้เป็นขั้นตอนเชิงบวกในการแก้ปัญหา “เราไม่สามารถเน้นย้ำมากพอว่าเราเหลือเวลาอีกไม่มาก อีกทั้งความเสี่ยงในการก้าวพลาดก็เพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อผูกพันในการชำระคืนเงินกู้"

Bipartisan Policy Center (BPC) ซึ่งทำหน้าที่ติดตามข้อพิพาทเกี่ยวกับวงเงินหนี้ในวอชิงตัน เขียนในรายงาน ในวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถผิดนัดชำระหนี้โดยไม่ต้องเพิ่มวงเงินหนี้ได้ในระหว่างต้นเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนสิงหาคม 

ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจของ BPC ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเจรจาว่า “สัปดาห์ที่จะถึงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดของรัฐบาล หากหาทางออกไม่ได้ก่อนเดือนมิถุนายน สถานะของผู้กำหนดนโยบายกอาจเปรียบได้กับกำลังเล่น Russian Roulette ด้วยความเชื่อและเครดิตของสหรัฐฯ อยู่ทุกวัน ซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อหายนะทางการเงินสำหรับประชาชนและประเทศ"

นักเศรษฐศาสตร์จาก ING แสดงความคิดเห็นว่า การเจรจาเพดานหนี้ที่ยืดเยื้อจะเป็นการสนับสนุน USD “สถานการณ์ปัจจุบันกำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความเสี่ยงและให้การสนับสนุน USD อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะมีความกังวลมากจนอาจต้องขายออกจากตลาด (ในตลาดตราสารทุนหรือตลาดเงิน) เพื่อทำลายทางตัน ซึ่งจะเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ USD แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากระยะสั้นของ USD ที่เก็งกำไรได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เรามักชะลอการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงของดอลลาร์ไปจนถึงไตรมาสที่ 3

รายงานของสถาบัน Brookings Institution ที่อ้างถึงในแบบสำรวจของทำเนียบขาวกล่าวว่า “ความคาดหวังในการผิดนัดชำระหนี้ที่ลดลง จะทำให้ตลาดการเงินหยุดชะงักเป็นอย่างมาก ซึ่งการหยุดชะงักของตลาดการเงินนี้ก็อาจเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการลดลงของราคาหุ้น การสูญเสียความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ และการเข้าถึงตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลที่หดตัว”

การเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ค่าเงิน USD และการบริหารความเสี่ยง

USD เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก ความเคลื่อนไหวในเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อค่าเงิน USD เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เช่น GBP EURO เป็นต้น ซึ่งความผันผวนนี้อาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ไม่คาดฝัน ซึ่งการซื้อขายขณะที่ตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณก็อาจส่งผลให้สูญเสียหรือขาดทุนได้ โดยเฉพาะในเทรดเดอร์มือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ก็อาจมีโอกาสล้มเหลวมากขึ้น

การจัดการความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ที่อาจยังไม่เคยหรือยังไม่ชินกับสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ก็มีเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงหลายชนิดที่นักเทรดมือใหม่สามารถใช้ในการสร้างกลยุทธ์การเทรด แม้ว่าโบรกเกอร์จะมีเครื่องมือเหล่านี้ให้เลือกใช้ แต่การรู้วิธีใช้งานเป็นสิ่งสำคัญซึ่งคุณสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ไปพร้อมๆ กับการสัมมนาออนไลน์ สื่อ หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งบทความต่างๆ ที่จะช่วยให้คำตอบที่คุณต้องการได้ แน่นอนว่าเทรดเดอร์มือใหม่ไม่ควรละเลยการบริหารความเสี่ยง ที่มีส่วนช่วยให้สามารถตัดสินใจและดำเนินการต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินความวิตกกังวลน้อยลง

คุณว่าการเทรดข่าวเศรษฐกิจมหภาคน่าสนใจไหม? หากคำตอบคือใช่ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติม เรามีคำตอบให้คุณ กับสัมนาการเทรดออนไลน์ ฟรี ที่คุณจะได้พบกับเซสชั่นที่หลากหลายพร้อมพบปะพูดคุยกับเหล่าเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมศึกษาวิธีการและกลยุทธ์ที่น่าสนใจในไลฟ์สดที่จะมาสาธิตวิธีการต่างๆ เพื่อคุณโดยเฉพาะ!

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอ หรือการชักชวนสำหรับธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายด้านบน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน